รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลเปิดเผยว่า อัยการสูงสุดคอนเนตทิคัตสหรัฐอเมริกา ได้ออกประกาศเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2565 ที่ผ่านมา ว่า บริษัทบุหรี่ไฟฟ้ายี่ห้อดัง ยอมจ่ายเงินชดเชยให้ 33 รัฐในสหรัฐอเมริกา เป็นเงินสูงถึง 438.5 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 15,000 ล้านบาท ในข้อหาทำการตลาดพุ่งเป้าไปที่เด็กและเยาวชน แถมยังหลอกลวงว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า
โดยก่อนหน้าบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าเดียวกันนี้ต้องจ่ายเงิน 40 ล้านดอลลาร์ให้กับรัฐนอร์ธแคโรไลน่า ด้วยข้อหาเดียวกันไปแล้ว ซึ่งรวมแล้วทำให้บริษัทบุหรี่ไฟฟ้าจ่ายเงินเพื่อยอมความไปแล้วกว่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งรศ.ดร.พญ.เริงฤดี ระบุว่า ปัจจุบันมีฝ่ายสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับนักการเมืองบางคนพยายามจะชี้นำนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าของไทย โดยอ้างให้เอาอย่างอังกฤษ จึงอยากจะให้พิจารณาผลการสำรวจนี้ให้ดีก่อน เพราะอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กของประเทศอังกฤษที่พุ่งสูงขึ้น แสดงให้เห็นถึงปัญหาในการควบคุมการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของกลุ่มเยาวชน
ซึ่งแม้อังกฤษจะมีความพร้อมและมาตรการควบคุมที่ดีกว่าไทยก็ยังควบคุมไม่ได้ และที่สำคัญอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กอังกฤษที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นกลุ่มที่สูบเป็นประจำ ไม่ใช่แค่ลองสูบอย่างที่กลุ่มเชียร์บุหรี่ไฟฟ้าอ้าง ทั้งนี้ “เหตุการณ์ระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนในต่างประเทศเป็นบทเรียนสำคัญของไทยที่ต้องมีความรอบคอบอย่างมากในการกำหนดนโยบายบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อไม่ให้ความเสียหายเกิดซ้ำรอยและปกป้องสุขภาพเด็กและเยาวชนไทย
“ที่น่ากังวลคือ อัตราการเพิ่มของการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กพุ่งสูงเร็วกว่าการลดลงของอัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาอย่างชัดเจน ยิ่งทำให้ข้ออ้างของกลุ่มเชียร์บุหรี่ไฟฟ้าที่ว่า เด็กสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพราะต้องการเลิกสูบบุหรี่ธรรมดาจึงไม่จริง ซ้ำยังทำให้เห็นภาพชัดขึ้นด้วยว่า บุหรี่ไฟฟ้ากำลังกลายเป็นสิ่งเสพติดใหม่ที่ดึงดูดเด็กและเยาวชนเข้ามาสู่วงจรการเสพติด” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าว
ด้าน ศ.พญ.สุวรรณา เรืองกาญจนเศรษฐ์ กุมารแพทย์ และรองผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.)คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า เรื่องนี้ทำให้เห็นชัดว่าเป้าหมายของบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าคือ กลุ่มเด็กและเยาวชน การระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนไม่ได้เกิดขึ้นในสหรัฐฯ เท่านั้น ล่าสุดในอังกฤษ
โดยระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของอังกฤษ หรือ NHS ได้มีการเผยแพร่ เผยผลการสำรวจพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ดื่มสุรา และสารเสพติดในเด็กอังกฤษอายุ 11-15 ปี
(หรือ Smoking, Drinking and Drug Use among Young People in England, 2021) ประจำปี ค.ศ. 2021 (2564) พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าของเด็กอังกฤษอายุ 11-15 ปีเพิ่มเป็นร้อยละ 9 จากเดิมมีเพียงร้อยละ 6 เมื่อปี ค.ศ. 2018 (2561)
ซึ่งหากพิจารณาอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าแยกตามอายุจะพบว่า เด็กอายุ 15 ปี ของอังกฤษมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าสูงถึงร้อยละ 18 โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้นกว่าเด็กผู้ชาย ซึ่งเด็กผู้หญิงอายุ 15 ปีมีอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจากร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 21นอกจากนี้ยังพบอีกว่า เด็กที่สูบทั้งบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากร้อยละ 29 เป็นร้อยละ 61 ซึ่งการสูบบุหรี่ทั้งสองอย่างยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อสุขภาพ
“ในแบบสอบถามยังมีการเก็บข้อมูลถึงการเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าของเด็ก พบว่า 87% ของเด็กอายุ 11-15 ปีที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้อย่างง่ายดายส่วนมากจะฝากให้คนอื่นซื้อให้จากร้านค้า ทั้งๆ ที่ตามกฎหมายของอังกฤษห้ามขายบุหรี่ไฟฟ้าให้กับเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี รวมทั้งการฝากซื้อหรือซื้อแทนกันก็ถือว่าผิดกฎหมายด้วย” ศ.พญ.สุวรรณา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี