บิ๊กปั๊ด"สะบัดปากกาลงนามให้“พล.ต.อ.วิระชัย”กลับตำแหน่งรอง ผบ.ตร.คืนสู่ฐานะเดิมก่อนและให้ถือว่าไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกสอบสวนนับตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2565 เป็นต้นไป
วันที่ 15 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าด้วย ตร. มีคำสั่ง ที่ 410/2565 ลง 14 ก.ย 65 เรื่อง ให้ข้าราชการตำรวจกลับคืนสู่ฐานะเดิม ด้วย พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา เมื่อครั้งดำรงแหน่ง รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีกรณีถูกสอบสวนตามคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 383/2563 ลงวันที่ 24 กรกฎาคม 2563 แก้ไขเพิ่มเติมโดยคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 568/2563 ลงวันที่ 30 ตุลาคม 2563 คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 222/2564 ลงวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 คำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 371/2564 ลงวันที่ 29 กรกฎาคม 2565 และคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่ 69/2565 ลงวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2565
โดยถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง กรณีบันทึกเสียงสนทนาทางโทรศัพท์ หลังจากนั้นได้มีการส่งต่อคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวให้กับบุคคลที่สามและภายหลังปรากฎว่าได้มีผู้เผยแพร่คลิปเสียงสนทนาดังกล่าวต่อสื่อมวลชนหลายแขนง และกรณีให้ข่าวสัมภาษณ์ แก่สื่อมวลชนเกี่ยวกับการสืบสวน สอบสวนคดีอาญา
เนื่องจากการพิจารณาสั่งการทางวินัยยังไม่แล้วเสร็จภายในกำหนดระยะเวลาตามมาตรา 87 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 จึงให้พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา กลับคืนสู่ฐานะเดิมก่อน และให้ถือว่าไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างถูกสอบสวน นับตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน 2565 เป็นต้นไป จนกว่าการพิจารณาสั่งการจะเสร็จสิ้นและมีคำสั่ง สั่ง ณ วันที่ 14 กันยายน 2565 พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในขณะเดียวกัน สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด มีหนังสือที่ อส 0040/579 ลงวันที่ 26 สิงหาคม 2565 เรื่องแจ้งผลคดี พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา ตามคดีอาญาที่53/2563 ของกองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม คดีระหว่าง สำนักงานกฎหมายและคดีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (กมค.) ผู้กล่าวหา กับ พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ถูกกล่าวหาในความผิดฐาน “กระทำการใดๆ เพื่อดักรับไว้ ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผยข้อความข่าวสาร หรือข้อมูลใด ที่มีการสื่อสารทางโทรคมนาคมโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และดักฟัง ใช้ประโยชน์ หรือเปิดเผย ซึ่งข้อความที่มีการติดต่อทางโทรศัพท์ หรือเครื่องมือสือสารใด โดยไม่มีอำนาจโดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นเจ้าพนักงานรู้หรืออาจรู้ความลับในราชการ กระทำใด ๆ อันมิชอบด้วยหน้าที่ ให้ผู้อื่นล่วงรู้ความลับนั้น” นั้น สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต สำนักงานอัยการสูงสุด ได้ดำเนินการตรวจสอบแล้ว ขอเรียนว่า อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ได้มีคำสั่ง ไม่ฟ้อง พลตำรวจเอก วิระชัย ทรงเมตตา ผู้ต้องหาในความผิดฐานดังกล่าวข้างต้นแล้ว คดีอยู่ระหว่างเสนอผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 145/1
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี