สถานการณ์ฝนตกหนักและเกิดภาวะน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียงในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง พื้นที่ภาคตะวันออก พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดเลย ทำให้มีสืื่อหลายสำนัก และนักวิชาการบางท่านออกมาให้ข่าวว่า อาจจะเกิดน้ำท่วมซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 โดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาซึ่งเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ และพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ
มาวิเคราะห์ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงกันว่า ปีนี้จะเกิดมหาอุทกภัยหรือไม่ ?
แม้กรมอุตุนิยมวิทยาและสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ(สสน.) ได้คาดการณ์ในช่วงปลายฤดูฝนจะมีปริมาณฝนตกมากกว่าค่าเฉลี่ยปกติ โดยเฉพาะในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 อาจจะเกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้ก็ตาม แต่ก็ใช่ว่า สถานการณ์จะรุนแรงเทียบเท่าปี 2554
เนื่องจากสถานการณ์น้ำในปี 2565 แม้จะเกิดปรากฏการณ์ลานีญา ทำให้ฝนมาเร็ว หลายพื้นที่ของประเทศมีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงขึ้นเช่นเดียวกับปี 2554 ก็ตาม แต่ความรุนแรงจนถึงขณะนี้ยังไม่เท่ากับปี 2554 รวมทั้งพายุที่เกิดขึ้นมีเพียง 2-3 ลูก ที่มีอิทธิพลต่อประเทศไทย แต่ก็ไม่ได้พัดผ่านโดยตรง
ในขณะเดียวกันรัฐบาลได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนอย่างเคร่งครัดอีกด้วย ประกอบด้วย 1.คาดการณ์ชี้เป้าพื้นที่เสี่ยง 2.การบริหารจัดการน้ำพื้นที่ลุ่มต่ำ 3.ทบทวน ปรับปรุงเกณฑ์บริหารจัดการน้ำในแหล่งน้ำ 4.ซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ 5.ปรับปรุงแก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ 6.ขุดลอกคูคลองและกำจัดผักตบชวา 7.เตรียมพร้อมวางแผนเครื่องจักร เครื่องมือ ประจำพื้นที่เสี่ยง 8.เพิ่มประสิทธิภาพและปรับปรุงวิธีการส่งน้ำ 9.ตรวจความมั่นคงปลอดภัยคันทำนบพนังกั้นน้ำ 10.เตรียมพื้นที่อพยพและซักซ้อมแผนเผชิญเหตุ 11.ตั้งศูนย์ส่วนหน้าก่อนเกิดภัย12.การสร้างการรับรู้และประชาสัมพันธ์ 13.ติดตามประเมินผล ปรับมาตรการให้สอดคล้องกับสถานการณ์
ปัญหาหลายอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2554 ได้ถูกนำมาถอดบทเรียนวางแผนแก้ไข รับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสิ่งกีดขวางทางน้ำ ได้มีการมีแก้ไขปรับปรุงขุดลอกคลอง กำจัดผักตบชวา ขยะ ต้นไม้ กิ่งไม้ อย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำออกสู่ทะเล เช่นเดียวกับปัญหาความซ้ำซ้อน ไม่มีเอกภาพก็ได้รับการแก้ไขเช่นกัน
ในขณะที่การบริหารจัดการน้ำภาพรวมทัั้งประเทศ ได้จัดตั้ง กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ(กอนช.) ซึ่งมี พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นผู้อำนวยการ ขึ้นมาบูรณาการหน่วยงานด้านน้ำที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันวางแผนบริหารจัดการน้ำให้เป็นหนึ่งเดียว และเกิดประสิทธิภาพสูงสุด ตลอดจนติดตาม เฝ้าระวังป้องกัน และเตือนภัยสถานการณ์น้ำ พร้อมทั้งมีการประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่องทุกช่วงเวลา โดยล่าสุด พลเอกประวิตรได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ฝนตกอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งได้กำชับให้ดำเนินงานตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝนที่ได้วางแผนไว้อย่างเคร่งครัด เพื่อที่จะสามารถแก้ไขปัญหาลดปัญหาน้ำท่วมให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และทั่วถึงทุกพื้นที่
ส่วนปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศในปีนี้ก็แตกต่างจากปี 2554 ณ วันที่ 10 กันยายน 2565 มีปริมาณน้ำใช้การรวม 49,887 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 65% ของปริมาณการกักเก็บเท่านั้น ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกถึง 26,201 ล้านลบ.ม. ในขณะที่ปี 2554 ใ่นช่วงเวลาเดียวกันมีปริมาณน้ำในเขื่อนใหญ่และขนาดกลางมากถึง 58,563 ล้านลบ.ม. เฉพาะลุ่มเจ้าพระยาปริมาณใน 4 เขื่อนหลัก คือ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ณ วันที่ 10 กันยายน 2565 มีปริมาณน้ำรวม 13,792 ล้านลบ.ม. คิดเป็น 55% ของปริมาณการกักเก็บ ยังสามารถรองรับน้ำได้อีกถึง 11,079 ล้านลบ.ม. เมื่อเทียบกับปริมาณปี 2554 ในช่วงเวลาเดียวกัน 4 เขื่อนหลักมีปริมาณน้ำรวมกันถึง 21,416 ล้านลบ.ม. ต่างกันมากกว่า 10,000 ล้านลบ.ม.
นอกจากนี้ ในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง ยังจะใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ10 ทุ่ง สำรองเพิ่มเติมกรณีที่จำเป็น เพื่อไว้เป็นแก้มลิงรองรับน้ำหลากในช่วงกลางเดือนก.ย.-ต.ค.นี้ จะสามารถหน่วงปริมาณน้ำหลากได้ประมาณ 1,500 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งขณะนี้เกษตรกรเริ่มทยอยเก็บเกี่ยวผลผลิตแล้วคาดว่า จะแล้วเสร็จทั้งหมดในช่วงกลางเดือน ก.ย.นี้ เช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร(กทม.) ก็ได้เตรียมพื้นที่รับน้ำไว้เช่นกัน
หากวิเคราะห์สถานการณ์น้ำในปีนี้จนถึงปัจจุบัน ตลอดจนการดำเนินงานตามมาตรการต่างๆ ในการรับมือฤดูฝนของหน่วยงานภาครัฐแล้ว “พลเอกประวิตร” ได้ออกมาการันตีว่า...
เหตุการณ์จะไม่ซ้ำรอยมหาอุทกภัยปี 2554 แน่นอน !!!!!
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี