“แม่น้องโชค” คาใจลูกถูกจ่อยิงหัว หวั่น จนท.รีบปิดคดี ยันปมสงสัยหลายอย่าง โดยเฉพาะภาพในที่เกิดเหตุหายไป 1 ชม.ครึ่ง ร้องขอสถาบันนิติวิทย์ฯยธ. ร่วมจำลองวิถีกระสุน
21 กันยายน 2565 ที่กระทรวงยุติธรรม นายเกียรติคุณ ต้นยาง หรือทนายโป้ง ประธานชมรมทนายความจิตอาสา พร้อมด้วย น.ส.ปวีณา แม่ของน้องโชค ที่ถูกกระสุนปืนลั่นใส่เสียชีวิตในโรงเรียน เดินทางเข้ายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จากกรณีบุตรชาย ซึ่งเป็นนักเรียนในระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนใน ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ถูกเพื่อนร่วมชั้นเรียน ที่พกปืนมาโรงเรียนเพื่อขู่คู่อริเกิดลั่น ทำให้บุตรชายเสียชีวิตภายในห้องเรียนคอมพิวเตอร์ทันที โดยมีว่าที่ ร.ต.ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ เลขาฯรมว.ยุติธรรม เป็นตัวแทนรับหนังสือ
น.ส.ปวีณา กล่าวว่า เมื่อวานนี้ (20 ก.ย.) ตนได้เข้าไปดูคลิปกล้องวงจรปิดที่ สภ.บางบัวทอง และได้เห็นว่าข้อมูลหายไป 1 ชั่วโมง 30 นาทีก่อนที่จะเกิดเหตุทำให้เกิดข้อสงสัย จึงต้องการยื่นเรื่องให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยหาข้อมูลเพิ่มเติมและช่วยหาข้อเท็จจริง อีกทั้งยังมีความประสงค์ขอความอนุเคราะห์จากสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และแพทย์นิติเวช ช่วยจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
นายเกียรติคุณ กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ได้ติดตามความคืบหน้า ที่ สภ.บางบัวทอง ทำให้เกิดข้อสงสัยหลายอย่างเนื่องจากคำตอบจากพนักงานสอบสวน หัวหน้าพนักงานสอบสวน มีความขัดแย้งในหลายประเด็น และล่าสุดที่ได้ไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อวานนี้ ทั้งจากบริเวณรอบๆโรงเรียน จึงได้ขอให้พนักงานสอบสวนย้อนคลิปให้ดูตั้งแต่ช่วง 08.00 น. - 17.00 น. ไล่ตั้งแต่น้องโชคเริ่มเข้าโรงเรียน ไปจนถึงช่วงก่อเกิดเหตุ และช่วงบ่ายโมงผู้ก่อเหตุได้นำปืนไปให้รุ่นพี่ จากนั้นนำไปทิ้ง ซึ่งคลิปที่ตำรวจเปิดให้ดู เป็นช่วงที่น้องโชคเข้ามาในโรงเรียน และช่วงพักเที่ยง เล่นกับเพื่อนและผู้ก่อเหตุบริเวณรั้วโรงเรียน จากนั้นภาพตัดไปที่ช่วงบ่ายโมง น้องโชคเดินเข้าห้องคอมพิวเตอร์ และสักพักผู้ก่อเหตุเดินตามเข้าไปเพียง 6 วินาที เสียงปืนลั่น 1 นัด ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะเดินออกมาด้วยท่าทีลังเล และเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง และเดินออกจากห้องเพื่อนำปืนไปให้รุ่นพี่ ทั้งนี้ ปรากฏว่าภาพในที่เกิดเหตุได้หายไปเป็นเวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที โดยเป็นช่วงเวลาก่อนที่จะพักเที่ยง ซึ่งทำให้ตั้งข้อสงสัยว่า ก่อนที่จะเกิดเหตุดังกล่าวพวกเขาทำอะไรกัน
ทนายโป้ง กล่าวอีกว่า จากภาพในคลิปกล้องวงจรปิดทำให้ทุกคนเห็นว่าในมือขวาของผู้ก่อเหตุน่าจะมีปืนถืออยู่ ไม่ใช่การนำปืนไปพันไว้กับเสื้อกันหนาวแล้วเข้าไปในห้อง จนกระทั่งเกิดเหตุ ทุกคนภายในห้องก็ยังเห็นเหมือนกันว่าผู้ก่อเหตุยังถือปืนอยู่ จนได้เอาปืนไปส่งให้รุ่นพี่และนำไปทิ้งที่แม่น้ำ
ทนายโป้ง กล่าวต่อว่า การสืบสวนสอบสวน ตนไม่มองว่าเข้าข้างใคร แต่มองว่าหากบอกว่าเป็นปืนลั่น หรือ อุบัติเหตุ จะทำให้ปิดคดีเร็วเกินไปหรือไม่ เพราะสิ่งที่เห็นเหมือนเป็นการเตรียมตัวมาล่วงหน้า การนำปืนเข้าโรงเรียนทำไม่ได้ง่ายๆ ในส่วนนี้ทางครอบครัวยังไม่ได้รับคำตอบ จึงอยากให้สถาบันนิติวิทยาศาตร์กระทรวงยุติธรรมเข้าไปร่วมจำลองเหตุการณ์ ว่า วิถีกระสุน พยาน และกล้องวงจรปิด ความจริงเป็นอย่างไร หากยังไม่คลายความสงสัย ครอบครัวยืนยันจะไม่ฌาปนกิจศพน้องโชค
ด้านว่าที่ ร.ต.ธนกฤต กล่าวว่า แม่ของน้องโชคติดใจ 3 ประเด็น คือ อาวุธที่ใช้ก่อเหตุ มาจากคู่กรณี หรือ ปืนตก หรือปืนลั่น เบื้องต้นผลของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ พบว่า กระสุนเข้าทะลุท้ายทอยด้านซ้าย ส่วนร่างกายไม่พบการต่อสู้หรือได้รับบาดเจ็บ สำหรับผลพิสูจน์หลักฐานอย่างละเอียดเป็นทางการ จะต้องรอจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอีกครั้งว่า มีเขม่าปืนที่มือของผู้ก่อเหตุหรือไม่ หากพบว่ามีเขม่าปืน ทางสืบสวนจะต้องมาวิเคราะห์ถึงสาเหตุและแรงจูงใจกันอีกครั้ง หากไม่พบก็ดำเนินการตามกฎหมาย
ทั้งนี้ ตนเชื่อว่าพนักงานสอบสวนน่าจะมีประสบการณ์ในการทำงานมาหลายปี ไม่น่าพลาดที่ช่วงเวลาที่มันหายไป สิ่งที่คนในครอบครัวต้องการมากที่สุด คือ หลักฐานที่ชัดเจน ในการคลี่คลายคดีเพื่อทวงความยุติธรรมให้บุตรชายตัวเอง อย่างไรก็ตาม กรณีดังกล่าว กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพได้รับเรื่องและจะแจ้งให้ครอบครัวทราบถึงสิทธิที่จะได้รับในฐานะผู้เสียหาย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี