อุบลฯปักธงแดง

จับตา‘ลำน้ำมูล’ท่วมสองฝั่ง

โคราชเสี่ยงน้ำไหลล้นตลิ่ง

อุตุฯ เตือนฝนหนักถึงหนักมากทั่วไทย กทม.ฝนตกร้อยละ 70 เมืองกรุงอ่วมฝนตกข้ามคืน จราจรอัมพาตหลายจุด ขณะที่โคราช เตือนชาววังน้ำเขียว-ปักธงชัย รับมือน้ำล้นอ่างลำเชียงสา อุบลฯ ปักธงแดง เตือนประชาชนริมลำน้ำมูล 2 ฝั่ง ส่วนรัฐบาลชี้มีฝนเพิ่ม-มรสุมตุลาคมนี้ ให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อม

เมื่อวันที่ 22 กันยายน กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนแผ่ลงมาปกคลุมประเทศลาวตอนบนและประเทศเวียดนามตอนบนส่งผลทำให้ร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง

กทม.-ปริมณฑลฝนตกร้อยละ70

ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในระยะนี้ กทม.และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ70ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

เมืองกรุงอ่วมฝนตกหนักข้ามคืน

เช้าวันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก กทม.และปริมณฑล มีฝนตกหนักปกคลุมและกระจายในหลายพื้นที่ จับตั้งแต่ค่ำวันที่ 21กันยายนที่ผ่านมา ส่งผลให้สภาพการจราจรในหลายจุด เกิดติดขัดและมีปริมาณน้ำฝนท่วมขัง โดยบรรยากาศผู้คนยืนกางร่มออกมารอรถโดยสารประจำทางบริเวณป้ายรถโดยสารด้านหน้าสวนจตุจักร ตรงข้ามสถานีรถไฟฟ้าหมอชิต ในช่วงเช้า ซึ่งยังมีฝนตกลงมา นั้น เต็มไปด้วยผู้คนและการจราจรที่แน่นหนา ตัดขัดตลอดชั่วโมงเร่งด่วนที่ปกติก็จะติดขัดอยู่แล้ว

สวพ.91เผยรามคำแหงรถติด-น้ำขัง

ขณะที่สถานีวิทยุข่าวจราจรและความปลอดภัย (สวพ.91) รายงานว่าในช่วงเช้า กทม.มีฝนตกปานกลางจนถึงมีฝนตกเล็กน้อย โดยถนนรามคำแหง ขาเข้า ระหว่างซอยรามคำแหง12-14มีน้ำท่วมขังอยู่ที่ช่องทางซ้ายสุด มีรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้าๆบริเวณถนนศรีอยุธยา ข้ามแยกพญาไท ต่อเนื่องแยกศรีอยุธยา ติดขัดมากท้ายแถวสะสมถนนจตุรทิศ เลียบบึงมักกะสัน ถนนพระราม2ก่อนขึ้นทางด่วนช่องทางหลัก น้ำท่วมทุกช่องทาง รถเล็กยังพอผ่านไปมาได้ แต่มีการแนะนำให้หลีกเลี่ยงเส้นทาง ส่วนถนนรามอินทราขาเข้า ทางขึ้นสะพานข้ามวงเวียนบางเขน มีรถยนต์ส่วนบุคคลจอดเสียทำให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก ท้ายแถวสะสมอยู่ที่ใต้วงแหวนตะวันออก (ทล.9)และมีน้ำท่วมขังช่องทางคู่ขนานถนนพหลโยธิน ขาออก ด้านหน้าร้านไทวัสดุ และถนนวิภาวดีรังสิต

เตือนชาวนาวังน้ำเขียวเฝ้าระวัง

ที่ จ.นครราชสีมา จากสถานการณ์ฝนที่ตกอย่างต่อเนื่องในหลายพื้นที่ ทำให้มีปริมาณน้ำไหลลงสู่อ่างเก็บน้ำต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำลำเชียงสา ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง มีความจุเก็บกักทั้งหมด 7.50ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หลังจาก 2-3วันที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนัก ส่งผลให้ขณะนี้มีน้ำไหลลงสู่อ่างเพิ่มสูงขึ้นถึง 7.599ล้าน ลบ.ม.เกินความจุเก็บกัก101.32%จนน้ำล้นสปิลเวย์ ไหลลงสู่คลองธรรมชาติเฉลี่ย 270,000ลบ.ม.ต่อวัน

ทางสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 5 จึงได้ทำหนังสือประกาศแจ้งเตือนไปยังผู้นำชุมชน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณบ้านอุดมทรัพย์ บ้านบะด่าน บ้านโนนเหลี่อม บ้านโนนสง่า บ้านศรีทอง ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว, บ้านเตย บ้านใหม่คลองเตย ต.สะแกราช อ.ปักธงชัย และหมู่บ้านตลอดลำน้ำลำเชียงสา ให้เก็บของขึ้นที่สูง เพื่อเฝ้าระมัดระวังน้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง เข้าท่วมบ้านเรือนในช่วงนี้

ชลประทานฯชี้8อ่างฯเกินความจุ

ขณะเดียวกัน สำนักงานชลประทาน จ.นครราชสีมา เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 23 แห่ง ว่าขณะนี้มีอ่างเก็บน้ำที่มีปริมาณน้ำเกินความจุแล้วถึง 8 แห่ง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำห้วยยาง อ.ปักธงชัย, อ่างเก็บน้ำลำเชียงสา อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง อ.วังน้ำเขียว, อ่างเก็บน้ำห้วยบ้านยางพะไล อ.แก้งสนามนาง, อ่างเก็บน้ำบึงกระโตน อ.ประทาย, อ่างเก็บน้ำห้วยบง อ.ชุมพวง, อ่างเก็บน้ำห้วยสะกาด อ.พิมาย และอ่างเก็บน้ำลำฉมวก อ.ห้วยแถลง จึงมีหนังสือแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำท้ายอ่างเก็บน้ำต่างๆ เหล่านี้ ได้เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่งท่วมบ้านเรือนแล้ว

อุบลฯปักธงแดงสองฝั่งริมน้ำมูล

ส่วนที่ จ.อุบลราชธานี นายสัมพันธ์ เดือนศิริรัตน์ ผอ.โครงการชลประทานอุบลราชธานี สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานชลประทานที่ 7 อุบลราชธานี นำธงแดงไปปักบริเวณจุดวัดระดับน้ำสะพานเสรีประชาธิปไตย M7 เพื่อแจ้งเตือนให้ประชาชนที่อาศัยริมแม่น้ำมูลทั้งสองฝั่ง อ.วารินชำราบและอ.เมือง เตรียมเก็บทรัพย์สินที่มีค่าให้ปลอดภัยจากน้ำท่วมล้นตลิ่ง

รุดวางกระสอบทรายบรรเทาปัญหา

อย่างไรก็ดี ทางเจ้าหน้าที่ได้นำกระสอบทรายวางแนวคันกั้นน้ำช่วยเหลือบ้านเรือนประชาชนที่ชุมชนหาดวัดใต้ เขตเทศบาลนครอุบลราชธานี เพื่อบรรเทาอุทกภัยให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์น้ำแม่น้ำมูล บริเวณสถานีวัดน้ำ M.7 สะพานเสรีประชาธิปไตย อ.เมือง จ.อุบลราชธานี ระดับน้ำอยู่ที่ 112.86 เมตร สูงกว่าระดับตลิ่ง 0.86 เมตร ระดับน้ำล้นตลิ่งนอกแนวคันกั้นน้ำแนวฟันหลอไหลเข้าท่วมชุมชนท่ากอไผ่ อ.วารินชำราบ

น้ำมูลมีแนวโน้มเพิ่มสูงต่อเนื่อง

ทั้งนี้จากการคาดการณ์ระดับน้ำในแม่น้ำมูล พบว่ามีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยศูนย์บัญชาการเหตุการณ์อุทกภัย จ.อุบลราชธานี ประกาศเฝ้าระวังระดับน้ำในลุ่มน้ำชี-มูล ที่เพิ่มสูงประมาณ 0.40-0.60 เมตร อาจส่งผลให้น้ำล้นตลิ่งและหลากเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวคันกั้นน้ำบริเวณแนวฟันหลอและไหลเข้าท่วมบริเวณชุมชนท่ากอไผ่ และหาดสวนสุข อ.วารินชำราบ จึงระดมความช่วยเหลือจากทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง รวมทั้งจิตอาสา เพื่อออกให้การช่วยเหลือประชาชน

ตั้งเต็นท์ทำที่พักชั่วคราว220หลัง

นอกจากนี้ กำลังเจ้าหน้าที่ได้มีการตั้งเต็นท์พระราชทานมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ 20 เต็นท์ เพื่อทำที่พักอาศัยชั่วคราว 220 หลัง บริการจัดรถสุขาเคลื่อนที่ ถังน้ำอุปโภคบริโภค มอบถุงยังชีพ ยารักษาโรค น้ำดื่ม เรือพลาสติก 26 ลำ และจุดตั้งหน่วยปฐมพยาบาลและจุดคัดกรองศูนย์พักพิงชั่วคราว พร้อมทั้งนำทรายบรรจุกระสอบนำออกแจกจ่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำออกจากชุมชนเกตุแก้วและชุมชนท่าบ้งมั่ง เขตเทศบาลเมืองวารินชำราบ อ.วารินชำราบ ติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำ 170 เครื่อง ที่สะพานข้ามแม่น้ำมูลแก่งสะพือ อ.พิบูลมังสาหาร และติดตั้งเครื่องสูบน้ำชุมชนท่ากอไผ่ เร่งการระบายในที่ลุ่มต่ำชุมชนท่ากอไผ่ และหาดสวนสุข

รัฐบาลรับมือฝน-มรสุมถึงต.ค.นี้

วันเดียวกัน น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากการประเมินสถานการณ์น้ำช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม 2565 การประชุมกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พบว่า มีแนวโน้มทั้งปริมาณฝนที่จะเพิ่มขึ้น และร่องมรสุมพาดผ่านพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออก ส่งผลให้ปริมาณน้ำในพื้นที่ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง มีโอกาสเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงอาจมีพายุ 1-2ลูก จะเข้าไทยช่วงต้นเดือนตุลาคมานี้ โดยต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันกำหนดเกณฑ์บริหารจัดการน้ำ เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดกับประชาชน

น.ส.รัชดา กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมได้กำหนดเกณฑ์ระบายน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ซึ่งขณะนี้ปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยามีประมาณ 2,200 ลบ.ม.ต่อวินาที ขณะที่ท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระบายน้ำในอัตราประมาณ 1,980 ลบ.ม.ต่อวินาที หากมีปริมาณน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา 2,500 ลบ.ม.ต่อวินาที จะบริหารจัดการน้ำลงมายังท้ายเขื่อนเจ้าพระยา และระบายออกทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกของเขื่อนเจ้าพระยา โดยพิจารณาปริมาณน้ำจากลุ่มน้ำป่าสักที่จะไหลเข้ามาสมทบด้วย

ปรับเกณฑ์ระบายน้ำช่วยพื้นที่กทม.

เบื้องต้นกำหนดให้มีปริมาณน้ำ ที่สถานี อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา 3,000ลบ.ม.ต่อวินาที ซึ่งปรับลดลงจากเกณฑ์เดิมซึ่งอยู่ในอัตรา 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที เพื่อเป็นการบริหารความเสี่ยงกรณีมีฝนตกหนักในพื้นที่กทม.และปริมณฑลให้ลำน้ำเจ้าพระยามีศักยภาพในการระบายน้ำได้ดี สามารถรองรับการระบายน้ำออกจากชุมชนเมืองได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ให้กระทรวงเกษตรฯเร่งช่วยเหลือ

นอกจากนี้ จะมีการบริหารจัดการน้ำโดยใช้ทุ่งรับน้ำของลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง ซึ่งปัจจุบันการเก็บเกี่ยวข้าวในพื้นที่รับน้ำดำเนินการไปแล้วกว่า 90% คาดว่าจะสิ้นสุดประมาณช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ และจะมีการรับน้ำเข้าทุ่งในปริมาณที่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบหรือสร้างความเสียหายแก่ประชาชน โดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการปล่อยปลาเพื่อใช้สำหรับเป็นอาหารและสร้างรายได้เสริมให้แก่ประชาชนในช่วงระหว่างการรับน้ำเข้าทุ่ง และจะมีการเร่งระบายน้ำออกจากทุ่งเมื่อสถานการณ์คลี่คลายแล้ว เหลือปริมาณน้ำไว้จำนวนหนึ่งเพื่อใช้สำหรับเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง

คาดลานีญาทำฝนตกมากกว่า20%

ทั้งนี้ รัฐบาลมีมาตรการเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์น้ำ กอนช.ประเมินสถานการณ์น้ำของประเทศไทยพบว่าอยู่ในช่วงลานีญา ส่งผลให้มีปริมาณน้ำฝนมากกว่า20% ของค่าปกติ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินงานเชิงรุกล่วงหน้า ซึ่งสถานการณ์ปริมาณน้ำของเขื่อนขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ยังรองรับน้ำได้ หากมีพายุจรเข้ามา รวมทั้งสามารถเก็บกักน้ำไว้เป็นน้ำต้นทุนสำหรับเพาะปลูกพืชฤดูแล้งอย่างไรก็ดี กรณีเขื่อนขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็กบางแห่ง ที่ขณะนี้มีปริมาณน้ำค่อนข้างมาก ทางกรมชลประทานได้ปรับเกณฑ์เพิ่มการระบายน้ำ โดยมีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งจะมีการประเมินพื้นที่เสี่ยงและแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำ