ปภ.เตือน52จว.-กทม./27ก.ย.-2ต.ค.
จมฉับพลัน-นําป่าหลาก
กรมอุตุฯแจ้งรับมือไต้ฝุ่น‘โนรู’
ถล่ม‘มุกดาหาร-อุบล’28ก.ย.
เหนือ/กลาง/ตะวันออกต่อคิว
เผยน้ำยังท่วมหนักพื้นที่8จว.
อุตุฯเตือนรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เข้าไทย28 กันยายนนี้ ส่งผลกระทบถึง 30 กันยายนด้านปภ.ชี้ยังมีน้ำท่วม 8 จังหวัด ส่วนยโสธรฝนหนักทำถนนสาย 212 ท่วมขัง ขณะที่เชียงใหม่ฝนที่ตกต่อเนื่องทำกำแพงประตูช้างเผือก พังเสียหาย เร่งสำรวจและบูรณะ ด้าน จ.พิจิตร น้ำยมยังคงเอ่อท่วม หวั่นพายุซ้ำเติมปัญหา
เมื่อวันที่ 25 กันยายน น.ส.ชมภารี ชมภูรัตน์อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา กล่าวว่า ได้ติดตามพายุหมุนเขตร้อน“โนรู”บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ซึ่งทวีกำลังแรงขึ้นจากพายุโซนร้อนเป็นพายุไต้ฝุ่น คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะลูซอนวันเดียวกันนี้และลงสู่ทะเลจีนใต้ในช่วงเช้าวันที่ 26 กันยายนนี้ จากนั้นจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนาม ช่วงวันที่ 27-28กันยายน และมีโอกาสเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือด้านตะวันออกของไทย บริเวณ จ.มุกดาหาร หรืออุบลราชธานี ในวันที่ 28 กันยายน
ชี้พายุไต้ฝุ่น‘โนรู’ทำฝนตกหนัก
อิทธิพลของพายุ ‘โนรู’จะทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะตอนกลางและตอนล่าง มีฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง หลังจากนั้นกลุ่มฝนจะเลื่อนมาตกบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ตลอดจนภาคกลาง รวมถึง กทม.และปริมณฑล ตามแนวการเคลื่อนตัวของพายุ โดยมีผลกระทบต่อเนื่องไปจนถึงวันที่ 30กันยายนนี้
กทม.เตือนให้พร้อมรับมือพายุ
ด้านเพจกรุงเทพมหานคร ออกประกาศเตือนให้เตรียมรับมือไต้ฝุ่น‘โนรู’ ระบุว่ากรมอุตุนิยมวิทยา ได้ประกาศเตือนให้เตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น‘โนรู’ เข้าไทย โดยมีศูนย์กลางบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ทางตะวันออกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ กำลังเคลื่อนตัวทางตะวันตก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะลูซอนลงสู่ทะเลจีนใต้โดยจะเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งประเทศเวียดนามช่วงวันที่ 27-28 กันยายน และมีโอกาสเคลื่อนตัวเข้าสู่บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.มุกดาหาร หรืออุบลราชธานี ทำให้เกิดฝนตกเป็นบริเวณกว้าง ตกหนักถึงหนักมากและมีลมแรง หลังจากนั้นกลุ่มฝนจะเลื่อนมาตกบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง ภาคตะวันออก กทม.และปริมณฑล ตามแนวการเคลื่อนตัวของพายุ มีผลกระทบต่อเนื่องถึงวันที่ 30 กันยายน ยังต้องติดตามเป็นระยะๆ จึงขอให้เตรียมความพร้อมรับมือ
ปภ.เผย8จังหวัดยังคงมีน้ำท่วม
ขณะเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานผลกระทบจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออก เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังปานกลางทำให้ประเทศไทยมีฝนตกหนักถึงหนักมาก กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก
ทั้งนี้ ได้ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยยังคงมีสถานการณ์ใน 8 จังหวัด ได้แก่ ยโสธรตากอุบลราชธานีบุรีรัมย์พระนครศรีอยุธยาอ่างทองสิงห์บุรี และปทุมธานี รวม 22 อำเภอ 139 ตำบล 711 หมู่บ้าน ภาพรวมสถานการณ์ระดับน้ำทรงตัว แต่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางจุดมีระดับน้ำเพิ่มขึ้น จึงประสานจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งระบายน้ำและให้การช่วยเหลือประชาชน
เชียงใหม่กำแพงประตูช้างเผือกพัง
ที่ จ.เชียงใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 04.30น.ได้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนักและต่อเนื่องนานกว่า 3-4 ชั่วโมง ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในบริเวณต่างๆ และจากฝนที่ตกต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน ทำให้ดินบริเวณกำแพงประตูช้างเผือก อุ้มน้ำไม่ไหว เกิดพังทลายลงมาเป็นทางยาว สร้างความแตกตื่นแก่ประชาชน และผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ทางเจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เร่งสำรวจความเสียหาย เพื่อดำเนินการปรับปรุงและซ่อมแซมต่อไป
ศิลปากรที่7เชียงใหม่รุดตรวจสอบ
อย่างไรก็ดี นายอัศนีบูรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ พร้อมด้วยนายเทอดศักดิ์ เย็นจุระ ผอ.กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุ โดยนายอัศนี ระบุว่ากำแพงเมืองในส่วนประตูเสียหายค่อนข้างมาก สาเหตุมาจากฝนกตกหนัก ทำให้น้ำซึมเข้าไปภายในจนดินอ่อนตัวแล้วเกิดพังถล่ม หลังจากนี้จะปิดพื้นที่ระหว่างเข้าตรวจสอบและบูรณะ
อุทกวิทยาฯแจ้งรับมือปริมาณฝน
ขณะที่ ว่าที่ร.ท.สายรุ้ง กลุ่นเขียว ผอ.ส่วนอุทกวิทยาที่ 1 เชียงใหม่ ได้ทำหนังสือรายงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตือนภัยเรื่องปริมาณน้ำฝนว่าได้เกิดฝนตกหนักบ้านดอยปุย ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยฝนสะสมต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง วัดปริมาณได้ 84 มิลลิเมตร อาจส่งผลให้เกิดน้ำหลากลงท่วมพื้นที่ลุ่มในตัวเมืองเชียงใหม่ จึงขอให้เตรียมการรับมือ
พิจิตรน้ำยังท่วมกังวลพายุเติมน้ำ
ส่วนที่ จ.พิจิตร แม่น้ำยมที่ไหลผ่านจากพื้นที่ จ.สุโขทัยและ จ.พิษณุโลก ยังคงมีปริมาณเพิ่มขึ้นจากฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำยมล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่บ้านย่านยาว หมู่ 8 ต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตร โดยน้ำเอ่อท่วมบริเวณชั้นล่างของบ้านเรือนประชาชนกว่า 100 หลังคาเรือน ระดับน้ำสูง 50-60 เซนติเมตร ซึ่งชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมต้องยกของขึ้นที่สูง หรือหาวัสดุมาหนุนให้พ้นระดับน้ำ โดยชาวบ้านหวั่นเกรงว่าหากมีพายุฝนตกหนักจะยิ่งซ้ำเติมปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่อีก
บุรีรัมย์วอนช่วยผู้ป่วยติดเตียง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากสถานการณ์ฝนตกหนักใน อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ทำให้น้ำเอ่อท่วมบ้านเรือนเกือบ 10 หลัง โดยพบว่ามีบ้านพักซึ่งมีนางจาก อายุ 79 ปี นอนป่วยติดเตียง และนายอ่ำ วัย 67 ปี น้องชาย ที่ป่วยด้วยโรคเท้าช้าง ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบากอยู่ภายในบ้านที่ถูกน้ำท่วมขัง โดยระดับน้ำสูงเกือบจะมิดที่นอนแล้ว นอกจากใช้ชีวิตอย่างยากลำบากก็ยังเสี่ยงอันตรายจากสัตว์มีพิษและกระแสไฟฟ้าด้วย ชาวบ้านจึงวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบโดยพบนายอ่ำ ที่ระบุว่า น้ำเอ่อท่วมบ้านมา 2 วันแล้ว ทำให้ใช้ชีวิตด้วยความลำบากเพราะพี่สาวป่วยติดเตียง ส่วนตนเป็นโรคเท้าช้าง ต้องคอยหาข้าวหาน้ำและยาให้พี่สาวขณะที่ทางเทศบาลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพื่อเร่งสูบน้ำที่ท่วมขังเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ชาวบ้านแล้ว