โจรใต้ล้อมกรอบตร.

ฆ่าโหด5ศพ

ปล้นปืน9กระบอกลอยนวล

“กอ.รมน.ภาค4”กร้าวตามล่า

รร.ยะลาเหยื่อบึ้มสั่งปิด3วัน

เมื่อเวลา 10.45น.วันที่ 11กันยายน พ.ต.อ.โกวิทย์ รัตนโชติ ผกก.สภ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายยิงถล่มเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบ ชุดปฏิบัติการปราบปรามน้ำมันเถื่อน กองบังคับการสืบสวน ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) บนนถนนพื้นที่ ม.7 ต.ปากู อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมนำกำลังเข้าตรวจสอบ

                ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ 4 ประตู ยี่ห้อโตโยต้าวีโก้สีบรอนด์ ทะเบียน ฒฮ 8055 กทม. จอดอยู่ ขณะที่บริเวณข้างรถมีร่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนอนเสียชีวิต 4 นาย และอีก 1 นายนอนเสียชีวิตภายในรถ ประกอบด้วย 1.พ.ต.ต.สันติชัย ศาสนประดิษฐ์ 2.ร.ต.ท.อนาวิน อาคุณซาดา 3.ด.ต.มะรอนิง ยูโซ๊ะ 4.ด.ต.มะสูดิง มีสา 5.จ.ส.ต.สมโภช สมประสงค์ นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนสงครามชนิดอาก้าและเอ็ม 16 ตกเกลื่อนบนถนน รวมเกือบ 100 ปลอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

                จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ทั้ง 5 นาย เดินทางออกจาก ศชต. เพื่อสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับการลักลอบค้าน้ำมันเถื่อนและสิ่งผิดกฎหมายในพื้นที่ โดยมี จ.ส.ต.สมโภช เป็นพลขับ เนื่องจากได้รับรายงานจากสายข่าวว่า จะมีการเคลื่อนไหวของขบวนการผิดกฎหมายในพื้นที่

                โดยเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุ ปรากฏว่า มีคนร้ายใช้รถกระบะอีซูซุ ดีแมกซ์ สีดำ ไล่ตามมาด้านหลังด้วยความเร็ว ก่อนขับขึ้นประกบทางด้านขวา แล้วคนร้ายที่นั่งอยู่ที่กระบะหลังประมาณ 4 คน ได้ใช้อาวุธสงครามกราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจนรถของเจ้าหน้าที่หยุดชะงัก กลุ่มคนร้ายจึงลงจากรถเข้าไปยิงถล่มซ้ำอีก และลากศพผู้เสียชีวิต 4 รายออกมาจากรถเพื่อยิงซ้ำอีกครั้ง ก่อนฉกอาวุธปืนประจำกายของผู้เสียชีวิตประกอบด้วย ปืนเอ็ม16 M-4 จำนวน 2 กระบอก ปืนพกสั้นยี่ห้อ Glock ไม่ทราบรุ่นและขนาด จำนวน 4 กระบอก ปืนพกสั้น ยี่ห้อ Kimber ไม่ทราบรุ่นและขนาด จำนวน 2 กระบอก ปืนพกสั้นยี่ห้อ บาเร็ตต้า ไม่ทราบรุ่นและขนาด จำนวน 1 กระบอก รวมทั้งหมด 5 กระบอก พร้อมโปรยตะปูเรือใบบนถนน แล้วขึ้นรถหลบหนีไปตามถนนสายบุรี

                หลังเกิดเหตุ พล.ต.ต.เอกภพ ประสิทธิ์วัฒนชัย ผบก.ภ.จว.ปัตตานี สั่งระดมกำลังร่วม 3 ฝ่ายออกไล่ล่ารถต้องสงสัยทันที พร้อมประสานให้ตั้งด่านสกัดตามถนนทุกเส้นทางที่คาดว่าคนร้ายจะหลบหนี นอกจากนี้ ยังจัดชุดปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เบื้องต้นคาดว่าเป็นกลุ่มแนวร่วมในพื้นที่ซึ่งเคยก่อเหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่หลายครั้ง โดยรู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี ก่อนจะลงมืออุกอาจอย่างโหดเหี้ยม

                พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ส่วนหน้า เปิดเผยว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ยังคงมีพฤติกรรมที่เชื่อมโยงกับปัญหาภัยแทรกซ้อนในพื้นที่ ทั้งยาเสพติด น้ำมันเถื่อน และสินค้าหนีภาษี ในลักษณะเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการปราบปรามอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อกลุ่มผลประโยชน์และกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ ซึ่งแม้จะถูกตอบโต้อย่างรุนแรงในครั้งนี้ แต่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะยังคงเดินหน้าเข้าจัดการกับปัญหาต่างๆ และติดตามกลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้มาลงโทษตามกฎหมายโดยเร็วต่อไป

                ส่วนความคืบหน้ากรณีลอบวางระเบิดภายในโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2 ต.ยุโบ อ.เมือง จ.ยะลา เป็นเหตุให้ทนารเสียชีวิต 2 นาย และได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย รวมทั้งยังมีเด็กนักเรียนได้รับบาดเจ็บอีก 1 ราย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 กันยายนนั้น นายพูดม ป.ปาน รองผู้อำนวยการโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2 เปิดเผยว่า หลังจากเกิดเหตุ ก็มีคำสั่งให้หยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 3 วัน เพื่อให้เจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่ให้เรียบร้อย รวมทั้งซ่อมแซมจุดที่ได้รับความเสียหาย โดยจะมีการเปิดการเรียนการสอนตามปกติอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 16 กันยายน ส่วนขวัญและกำลังใจของเด็กและคณะครู หลังจากเกิดเหตุนั้น ยังพบว่ามีขวัญและกำลังใจดี

                ด้าน นายบุญสม ทองศรีพราย ประธานสมาพันธ์ครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมประธานสมาพันธ์ครู จ.ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ร่วมประชุมผู้อำนวยการโรงเรียนและบุคลากรทางการศึกษาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อทบทวนถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยครู หลังเกิดเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดในโรงเรียนคณะราษฎรบำรุง 2 โดยที่ประชุมได้มีการหารือถึงข้อห่วงใยที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมีการปรับยุทธวิธีในการลอบก่อเหตุต่อเจ้าหน้าที่ชุดดูแลความปลอดภัยครูที่หลากหลายรูปแบบมากขึ้น ทั้งขณะเดินทางและในช่วงที่อยู่โรงเรียน จนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียนอาจจะได้รับอันตรายจากลูกหลง ขั้นต้นที่ประชุมได้กำชับให้สมาพันธ์ครูแต่ละจังหวัด ประสานต่อผู้อำนวยการของแต่ละโรงเรียนให้มีการเน้นย้ำเพื่อนครูและนักเรียนเพิ่มความระมัดระวังตนเองมากขึ้น ทั้งในขณะเดินทางและอยู่ในโรงเรียน จนกว่าจะมีการหารือถึงมาตรการและการป้องกันกับหน่วยงานด้านความมั่นคงอีกครั้ง