อย่าเชื่อ!แชร์ว่อน‘สังขละบุรี’เพจตุ๋นต่างด้าวทำบัตรคนไทย สร้างความน่าเชื่อถือลวงเหยื่อ
26 กันยายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.กาญจนบุรี ว่า จากกรณีมีกลุ่มบุคคลสร้างเพจเฟซบุ๊ก แล้วนำไปเผยแพร่ทางโลกโซเชียล เพื่อหลอกลวงบุคคลต่างด้าวที่ต้องการทำบัตรประชาชนคนไทย โดยมีการนำภาพข่าวกิจกรรมของบุคคลสำคัญของหน่วยงานรัฐมาโพสต์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ โดยอ้างว่าสามารถทำบัตรประชาชนให้ได้ในทุกกรณี โดยต้องเสียค่าใช้จ่ายรายละ 15,000-25,000 บาท หากต้องการพร้อมที่จะให้กรอกข้อมูล เช่น ชื่อ-สกุล วันเดือนปีเกิด รวมทั้งส่วนสูง ศาสนาที่นับถือ และที่อยู่ จากนั้นจะให้ชำระเงินเป็นงวดๆ มีการประกาศเชิญชวนประชาชนกลุ่มที่ไม่ใช่คนไทย เช่น กลุ่มชนกลุ่มน้อย และกลุ่มคนต่างด้าว เพื่อทำบัตรประชาชน
ทั้งนี้ ข้อความดังกล่าวมีการส่งต่อกันไปเป็นจำนวนมากโดยเฉพาะในเขตพื้นที่ อ.สังขละบุรี เนื่องจากเป็นพื้นที่หนึ่งที่มีคนกลุ่มนี้อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อผู้สื่อข่าวติดตามเข้าไปในเพจ พบว่า เพจดังกล่าวมีการขายสินค้าออนไลน์ มีผู้สนใจเข้าไปติดต่อเพื่อให้ทางเพจดำเนินการช่วยดำเนินเรื่องหลายสิบราย มีการเรียกเก็บเงินรายละ 15,000-20,000 บาท ซึ่งจะมีการชำระเงินเป็น 3-4 งวดแล้วแต่การตกลง
ด้านนายสุทธิพร ศิวเวทพิกุล นายอำเภอสังขละบุรี เปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวตนได้ข่าวมาแล้วเช่นกัน ซึ่งเพจดังกล่าวขอให้คนต่างด้าวมาลงทะเบียนสิทธิ 10,000 สิทธิ เพื่อที่จะได้รับสัญชาติไทย ตนจึงขอฝากแจ้งเตือนและฝากสื่อมวลชนช่วยกันประชาสัมพันธ์ต่อไปเลยว่า สิ่งที่เพจดังกล่าวกำลังโฆษณาเพื่อชวนเชื่อนั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะการที่คนต่างด้าวจะได้สิทธิเป็นคนไทยนั้นไม่มีอย่างแน่นอน เนื่องจากตัวของคนต่างด้าวไม่ได้เกิดในประเทศไทย แต่คุณสมบัติจะเข้าสู่มาตรา 17 ซึ่งเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คนเข้าเมือง ส่วนกรณีคนที่จะได้สัญชาติไทยคือกรณีของคนที่เกิดในประเทศไทยเท่านั้น แต่ก่อนที่จะได้สัญชาติไทยจะต้องมีหลักเกณฑ์การได้สัญชาติไทย
นายอำเภอสังขละบุรี ระบุว่า ขอให้บุคคลต่างด้าวอย่าหลงเชื่อเพจโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว เพราะหากท่านหลงเชื่อจะเสียเงินไปอย่างฟรีๆ โดยที่ไม่ได้สัญชาติไทยตามที่เพจดังกล่าวโฆษณาเอาไว้ โดยบุคคลที่ต้องการสัญชาติไทยสามารถเดินทางมาติดต่อกับทางราชการได้โดยตรงที่สำนักงานทะเบียนอำเภอ หรือสำนักงานทะเบียนท้องถิ่นนั้นๆ และการที่จะฝากคนอื่นไปดำเนินการแทนนั้น อาจจะไม่ได้ข้อมูลที่ชัดเจน จึงขอให้เดินทางมายื่นเรื่องด้วยตนเองจะดีกว่า หรือหากไม่กล้ามาก็ขอให้ผู้นำท้องที่นั้นๆพามาก็ได้ จะทำให้ง่านต่อการตรวจสอบ และขอประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชนอีกครั้งหนึ่งว่าตนในฐานะนายอำเภอสังขละบุรี ไม่เคยมีนโยบายให้ใครไปเรียกรับเงินแต่อย่างใด แต่ถ้าประชาชนมีเบาะแสก็สามารถแจ้งมาที่ตนได้เลย เพื่อจะได้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่คนนั้นอย่างเด็ดขาดต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระเบียบของกระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการยื่นคำขอ และในการพิจารณาอนุญาตการขอมีสัญชาติไทย ซึ่งผู้ที่จะยื่นต้องมีคุณสมบัติ โดยบุคคลที่จะยื่นคำขอลงรายการสัญชาติไทยมีอายุตั้งแต่ 15 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป กรณีอายุต่ำกว่า 15 ปี ให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองยื่นคำขอแทน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ
1. เป็นกลุ่มบุคคลที่เกิดในประเทศไทยก่อนวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2515 โดยมีพ่อและแม่เป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวหรือได้รับผ่อนผันให้อยู่ได้เป็นกรณีพิเศษ หรือ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
2. เป็นกลุ่มบุคคลที่เกิดในประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 14 ธันวาคม 2515 ถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2535 โดยมีพ่อและแม่เป็นคนต่างด้าวที่เข้ามาอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว หรือได้รับผ่อนผันให้อยู่ได้เป็นกรณีพิเศษ หรือ เข้ามาอยู่ในประเทศไทยโดยมิชอบด้วยกฎหมาย
3.กลุ่มบุตรของบุคคลกลุ่มที่ 1 หรือกลุ่มที่ 2 ที่เกิดในประเทศไทยก่อนวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2551 บุคคลกลุ่มนี้ต้องมีพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งหรือทั้งสองคนเป็นผู้ที่เกิดในประเทศไทยและถูกถอนสัญชาติตาม ปว.337 จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้ที่เป็นบุตรไม่ได้รับสัญชาติไทย
มีเงื่อนไข คือ
1) เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยติดต่อกันโดยมีหลักฐานการทะเบียนราษฎร
2) เป็นผู้มีความประพฤติดี หรือทำคุณประโยชน์ให้แก่สังคม หรือประเทศไทย
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี