ลุ่มน้ำวัง ถือเป็นแหล่งต้นน้ำที่สำคัญสายหนึ่งในพื้นที่ตอนบนของประเทศ เป็นหนึ่งในสี่ของสายน้ำขนาดใหญ่ คือ ปิง วัง ยม และ น่าน ที่ส่งน้ำไปหล่อเลี้ยงพื้นที่การเกษตร และน้ำกินน้ำใช้ของคนภาคกลางลุ่มน้ำวัง มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในเขตจังหวัดลําปาง และตาก มีแม่น้ำวังเป็นแม่น้ำสายหลัก ก่อนจะบรรจบกับแม่น้ำปิง ที่บ้านแม่ขอน ตำบลบ้านตาก อำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก รวมความยาวรวมทั้งสิ้น 488 กิโลเมตร มีขนาดพื้นที่ 10,789 ตารางกิโลเมตร แต่ปัญหาของลุ่มน้ำวัง คือ มีน้ำท่วมเกือบทุกปี สาเหตุมาจาก มีพื้นที่ลำน้ำ เล็กและแคบ ทำให้น้ำไหลไม่สะดวก อีกทั้งมีการรุกล้ำการใช้ประโยชน์ที่ดินสองฝั่งลำน้ำ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักต่อการไหลของน้ำในฤดูน้ำหลาก เมื่อถึงช่วงฤดูแล้ง การเก็บกักน้ำในพื้นที่สำหรับใช้ประโยชน์ก็ทำได้ยังไม่เต็มศักยภาพ ทั้งที่มีปริมาณน้ำต้นทุนมากเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในกิจกรรมการใช้น้ำต่างๆ
ปัจจุบัน พื้นที่ลุ่มน้ำวังมีแหล่งน้ำที่สำคัญ ได้แก่ เขื่อนกิ่วลม อำเภอเมืองลําปางจังหวัดลําปาง ความจุ 106 ล้าน ลบ.ม. และเขื่อนกิ่วคอหมา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลําปาง ความจุ 170.00 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นว่า เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพของการพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำและศักยภาพของน้ำต้นทุนทั้งหมดแล้ว ยังคงมีศักยภาพอยู่อีกมาก โดยปริมาณน้ำต้นทุนของลุ่มน้ำสาขาทั้งหมดยังคงมีปริมาณมากกว่าความจุเก็บกักน้ำในสภาพปัจจุบันค่อนข้างมาก อีกทั้ง มีพื้นที่ที่มีศักยภาพในการพัฒนาเป็นอ่างเก็บน้ำอยู่อีกพอสมควรโดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ต้นน้ำซึ่งภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภูเขา แต่ก็มีข้อจํากัดในเรื่องพื้นที่คุณภาพลุ่มน้ำ ชั้น 1A ที่เป็นเขตป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ ตลอดจนเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา
ซึ่งในปี 2564 ที่ผ่านมา ได้เกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่าง จังหวัดลําปาง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดตาก เมื่อปี 2564 ประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำอุปโภค-บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรในเขตพื้นที่อำเภอสามเงา และอำเภอบ้านตาก จังหวัดตาก จำนวน 11,000 ครัวเรือนพื้นที่การเกษตร 25,000 ไร่ ส่วนหนึ่งเกิดจากหลายปีที่ผ่านมาการระบายน้ำจากเขื่อนกิ่วลม และกิ่วคอหมา ไม่สามารถส่งน้ำได้ถึงแม่น้ำวังตอนล่างในเขตจังหวัดตากได้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ลงพื้นที่และร่วมประชุมคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัดลําปาง ครั้งที่ 2/2564 (นัดพิเศษ) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2564 เพื่อพิจารณาแนวทางการแก้ไขปัญหาภัยแล้งพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่าง โดยมีหน่วยงานเข้าประชุม ได้แก่ กรมชลประทาน กรมเจ้าท่า จังหวัดลําปาง และจังหวัดตาก ซึ่งที่ประชุมมีมติเพื่อแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วน
โดยให้กรมชลประทานส่งน้ำจากอ่างเก็บน้ำกิ่วลมช่วยเหลือพื้นที่ลุ่มน้ำวังตอนล่าง ของจังหวัดตาก ในช่วงระหว่างวันที่ 6-9 เมษายน 2564 และให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการประชาสัมพันธ์และแจ้งข่าวสารให้ประชาชนในพื้นที่ทราบก่อนเปิดน้ำ พร้อมทั้งจัดเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์เพื่อการสูบน้ำไว้ในแหล่งเก็บกักน้ำต่างๆ ผลการดำเนินการ ปริมาณน้ำในแม่น้ำวัง ที่จังหวัดตาก ได้รับประมาณ 10 ล้าน ลบ.ม.โดยปริมาณน้ำดังกล่าวได้ช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนน้ำในเขตจังหวัดลําปางและจังหวัดตากได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่อย่างไรก็ดี ต่อจากนี้ไป การแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำ และปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ลุ่มน้ำวังจะเกิดผลสัมฤทธิ์ ตรงจุดและรวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์มากขึ้น เพราะจะมีคณะกรรมการลุ่มน้ำ ภายใต้พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่เป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนและเป็นตัวกลางเชื่อมต่อระหว่างภาครัฐ และองค์กรผู้ใช้น้ำในพื้นที่
นายวิฑูรย์ ฐิติธนภัค กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิลุ่มน้ำวัง เปิดเผยว่า การพัฒนาที่จะสร้างความมั่นคงให้กับลุ่มน้ำวัง นอกจากจะบริหารจัดการให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอแล้วจะต้องบริหารจัดการให้มีน้ำเก็บกักในแหล่งน้ำให้เต็มศักยภาพด้วย ซึ่งจำเป็นต้องสร้างเครือข่ายจากประชาชนผู้ทราบปัญหาที่แท้จริงในพื้นที่ เพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลต่างๆ ที่เป็นจริงและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันในพื้นที่ทั้งหมด แล้วนำข้อมูลเหล่านั้นมาเปรียบเทียบกับข้อมูลที่มีอยู่ในปัจจุบัน เพื่อจะได้มาวิเคราะห์ ปรับแก้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์และตรงจุด จากการที่พระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการลุ่มน้ำ ซึ่งมีผู้แทนจากหลายภาคส่วน
โดยเฉพาะภาคประชาชนผู้มีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรงกับการใช้ทรัพยากรน้ำ ก็จะเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะช่วยเติมเต็มให้การบริการจัดการน้ำในลุ่มน้ำวังมีศักยภาพดียิ่งขึ้นแต่การทำงานของคณะกรรมการลุ่มน้ำจะมีประสิทธิภาพได้ดีเพียงใดนั้น คณะกรรมการลุ่มน้ำ จะต้องทำความเข้าใจกับบริบทของสภาพลุ่มน้ำนั้นๆ เป็นให้กระจ่างชัดเจน และจะต้องบูรณาการกับภาครัฐ โดยเฉพาะสทนช. ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับในเรื่องการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในภาพรวมเพื่อทำการศึกษาและทบทวนลักษณะทางกายภาพของพื้นที่ การใช้ประโยชน์ทรัพยากรน้ำทั้งในอดีตและปัจจุบัน แล้วนำมาวิเคราะห์วางแผนกันอย่างเป็นระบบ และ สทนช.จะต้องประสานเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องต่อการดำเนินงานในเรื่องนั้นๆ ให้เข้ามามีส่วนร่วมทำงานกับคณะกรรมการลุ่มน้ำมีการบูรณาการร่วมกันของทุกหน่วยงานเพื่อให้มีความสอดคล้องกันทั้งด้านแผนงานงบประมาณ และระยะเวลา พร้อมทั้ง คณะกรรมการลุ่มน้ำจะต้องจัดทำหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับลุ่มน้ำของตัวเอง โดยอาศัยความร่วมมือกับประชาชนในพื้นที่เก็บรวบรวมข้อมูลและจัดทำแผน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินงานทั้งในปัจจุบันและอนาคต
ต่อจากนี้ไป เมื่อคณะกรรมการลุ่มน้ำวังได้จับมือกับทุกภาคส่วน ร่วมบูรณาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในทุกมิติ ภายใต้เจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ช่วยทำให้แผนฟื้นฟู ป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำแล้ง แผนป้องกันและแก้ไขภาวะน้ำท่วม ที่ดึงภาคประชาชน ผู้ใช้น้ำ องค์กรส่วนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วม ก็จะทำให้ปัญหาขาดแคลนน้ำและปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากในพื้นที่บรรเทาลงได้อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี