กำชับเหล่าทัพช่วยประชาชน
‘บิ๊กตู่’ลุยแก้น้ำท่วม
เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง/อันตราย
พร้อมเข้าเยียวยาหลังน้ำลด
รบ.เปิดแอป‘ThaiWater’
กทม.เตือนน้ำเจ้าพระยาเอ่อ
แนะชาวบ้านยกของขึ้นที่สูง
นายกฯบิ๊กตู่ สั่งการให้ทุกเหล่าทัพยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง และให้พร้อมเข้าช่วยฟื้นฟูพื้นที่ทันทีหลังพายุโนรูอ่อนกำลัง รัฐบาลชวนโหลดแอปพลิเคชั่น “ThaiWater” ติดตามสถานการณ์น้ำ-ฝน-เขื่อน-พายุทั่วประเทศ รวมข้อมูลไว้ให้จากกว่า50 หน่วยงาน ด้าน กทม.ขอให้ประชาชนริมแนวแม่น้ำเจ้าพระยา เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและระดับน้ำอย่างใกล้ชิด “วัดศรีสุพรรณ” ทำพิธีสูดถอนพระธาตุเจดีย์ หลังเกิดเหตุการณ์เจดีย์พังถล่ม น้ำเจ้าพระยาล้นตลิ่งเซาะถนนอ่างทอง-ป่าโมกสายเก่าพัง เสาไฟฟ้าหักโค่น ด้านกรมอุตุฯ พยากรณ์อากาศจากนี้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง
เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้ย้ำสั่งการทุกเหล่าทัพ ให้คงการสนับสนุนรัฐบาล ช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในทุกพื้นที่ต่อเนื่องกันไป หลังสถานการณ์พายุโนรูอ่อนกำลัง โดยยังให้ร่วมเฝ้าระวังและแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยง ที่ฝนยังตกหนักสะสมต่อเนื่อง และให้ช่วยเหลือเร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ชุมชนลงลำน้ำสายหลักให้เร็วขึ้น เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ขณะเดียวกัน ให้เตรียมการช่วยเหลือฟื้นฟูพื้นที่ทันที เมื่อสถานการณ์อุทกภัยเริ่มคลี่คลาย เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้โดยเร็ว
ให้หน่วยทหารทำงานร่วมกับจังหวัด
สำหรับพื้นที่ท้ายเขื่อน ที่ต้องรับมือกับน้ำเหนือที่เพิ่มปริมาณการระบายในขณะที่ช่วงต้นเดือนตุลาคมมีน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะเป็นปัญหาให้ปริมาณน้ำป่าสักและเจ้าพระยาสูงขึ้นและเกิดน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ จ.สระบุรี อยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และ กรุงเทพมหานครฯ ขอให้หน่วยทหารในพื้นที่ พิจารณาให้การสนับสนุนและทำงานร่วมกับทางจังหวัดดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะ กทม. ในการหนุนเสริมกำลังและเครื่องมือช่างเข้าไปช่วยรับมือกับสถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้น เพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิต ทรัพย์สินและลดผลกระทบความเสียหายที่เกิดขึ้น
นายกรัฐมนตรีได้แสดงความขอบคุณและเป็นกำลังใจให้กับกำลังพลและครอบครัว รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย จิตอาสา ที่ร่วมปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน โดยขอให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่ประมาท และให้คงกำลังอยู่ในพื้นที่กับประชาชน ช่วยเหลือแก้ปัญหาบรรเทาความเดือดร้อนจนกว่าสถานการณ์จะปกติ
ชวนโหลดแอปฯติดตามสถานการณ์น้ำ
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เพื่อให้ประชาชนรับทราบข้อมูลสถานการณ์น้ำที่ถูกต้องและฉับไว สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) หรือ สสน. ได้จัดทำแอปพลิเคชัน “ThaiWater” รู้น้ำ รู้อากาศ ทันใจทุกสถานการณ์ โดยแอปนี้ ได้รวบรวมข้อมูลเรื่องน้ำจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 50 หน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถติดตามสถานการณ์น้ำของประเทศไทยตั้งแต่ภาพรวมระดับประเทศ ลงมาถึงระดับจังหวัด และรายละเอียดแต่ละด้าน โดยแสดงข้อมูลฝน ระดับน้ำ สถานการณ์เขื่อน คลื่นลม และพายุ มีทั้งแบบสถานการณ์ปัจจุบันและข้อมูลคาดการณ์ล่วงหน้า
นอกจากนี้ ยังสามารถกดเพิ่ม “สถานที่โปรด” ซึ่งก็คือการเพิ่มจังหวัดต่างๆ ที่ต้องการดูข้อมูล และดูการ “แจ้งข่าว” เกี่ยวกับสถานการณ์น้ำต่างๆ ในตัวแอปได้ด้วย ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอป“ThaiWater “ ได้ทั้งในเพลย์สโตร์ และแอปสโตร์
กทม.เตือนน้ำเจ้าพระยาขึ้นสูง
นายเอกวรัญญู อัมระปาล โฆษกของกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า กทม.ห่วงใยพี่น้องประชาชนที่อยู่ริมแนวแม่น้ำเจ้าพระยา โดยเฉพาะชุมชนที่อยู่นอกแนวคันกั้นน้ำ หรือจุดที่ไม่มีเขื่อนป้องกันถาวร เช่น จุดพื้นที่เอกชน ท่าเรือ ขอให้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำและระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างใกล้ชิด และยกของขึ้นที่สูงในช่วงที่น้ำขึ้น
อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกำชับทั้ง 17 สำนักงานเขตที่ดูแลพื้นที่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมพร้อมเฝ้าระวังจุดอ่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตรวจสอบแนวเขื่อนป้องกันน้ำท่วม หากพบจุดที่มีแนวรั่วซึมให้ซ่อมแซมโดยใช้สอบทราย พร้อมทั้งตรวจสอบความแข็งแรงของแนวกระสอบทรายที่ทำไว้เป็นแนวป้องกันชั่วคราวในจุดที่เป็นฟันหลอ เข้าไปดูแลชุมชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงให้ข้อมูลแจ้งเตือน เตรียมพร้อมย้ายสิ่งของ/ปลั๊กไฟขึ้นที่สูง รวมทั้งประชาชนกลุ่มเปราะบาง เช่น ผู้พิการ ผู้สูงอายุ หรือผู้ป่วยติดเตียง ให้ได้รับความสะดวก เป็นต้น
ทั้งนี้ กทม.เปิดช่องทางการรับแจ้งเหตุและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบความเดือดร้อนจากฝนตกหนัก/น้ำท่วมขังในพื้นที่กรุงเทพฯ ผ่านทาง Traffy Fondue ศูนย์ควบคุมระบบป้องกันน้ำท่วม 0 2248 5115 หรือโทรสายด่วน 199 และศูนย์ประสานงานน้ำท่วมทั้ง 50 เขต.-สำนักข่าวไทย
วัดศรีสุพรรณทำพิธีสูดถอนพระธาตุเจดีย์
จากเหตุการณ์เจดีย์วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่ ที่มีอายุ 522 ปี พังถล่มเนื่องจากถูกน้ำฝนกัดเซาะ เมื่อวันที่ 29 กันยายน ที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากนั้น เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ เข้าไปตรวจสอบพบว่า ภายในเจดีย์มีพระธาตุและพระพุทธรูปโบราณจำนวนมาก คาดอยู่ในช่วงปลายสมัยรัตนโกสินทร์ ส่วนใหญ่เสียหายเศียรหักเพราะเจดีย์พังถล่ม ส่วนที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีพระธาตุจำลองเป็นโลหะทรงระฆังคว่ำ ล้อมรอบด้วยหินเขี้ยวหนุมาน เจ้าหน้าที่สกัดเอาพระธาตุจำลองออกมา ส่วนทางวัดก็ได้ทำพิธีสูดถอนพระธาตุเจดีย์ เพื่อไม่ให้เกิดอาเพศตามความเชื่อโบราณ
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่สำนักศิลปากรที่ 7 เชียงใหม่ ได้ตรวจสอบเหตุเจดีย์วัดศรีสุพรรณ พังถล่ม พบพระธาตุและพระพุทธรูปโบราณจำนวนมาก ขณะที่วัดได้ทำพิธีสูดถอนพระธาตุเจดีย์ เพื่อไม่ให้เกิดอาเพศตามความเชื่อโบราณ
ใช้ท่อนเหล็กค้ำยันซากองค์พระเจดีย์
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักศิลปกรที่ 7 ได้นำท่อนเหล็กมาทำการค้ำยัน บริเวณซากองค์พระเจดีย์วัดศรีสุพรรณ อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งพังทลายลงมา แต่ยังเหลือซากเจดีย์สูงกว่า 10 เมตรด้านตะวันออกหรือหลังพระวิหาร ซึ่งเกรงว่าอาจเกิดอันตรายกับช่างที่เข้าไปสำรวจและขุดค้นทางโบราณคดี พร้อมกันนี้ ยังทำประตูเหล็กติดตาข่ายมาปิดข้างพระวิหาร ไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปบริเวณซากพระธาตุ เนื่องจากมีงานถนนคนเดินหน้าวัด รวมถึงป้องกันไม่ให้บุคคลภายนอกเข้าไปขุดค้นสิ่งของมีค่า พร้อมติดกล้องวงจรปิด เพื่อดูแลความปลอดภัย จนกว่าการตรวจสอบทางโบราณคดีเสร็จสิ้น โดยวัดได้นำตู้มาตั้งบริจาคเงิน เพื่อทำบุญเป็นค่ารื้อถอนและก่อสร้างองค์พระธาตุเจดีย์ใหม่
น้ำทะลักท่วมถนนสายหนองคาย-ท่าบ่อ
จากฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทั้งกลางวันและตลอดทั้งคืนวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมา ส่งผลให้วันที่ 1 ต.ค. ปริมาณน้ำฝนที่ตกสะสมในปริมาณมาก 112 มิลลิเมตร ทำให้เกิดน้ำท่วมรอการระบาย โดยเฉพาะบริเวณถนนหนองคาย-ท่าบ่อ ช่วงหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดหนองคาย ต.หนองสองห้อง อ.เมืองหนองคาย น้ำท่วมถนน 4 เลน ระยะทางประมาณ 200 เมตร
เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบต้องนำป้ายเตือนและกันถนนให้รถวิ่งทางเบี่ยงสวนกัน ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณโดยรอบไม่มีทางระบายน้ำ มีแต่ลำรางสาธารณะซึ่งตื้นเขินและถูกการก่อสร้างทั้งถนนและบ้านเรือนขวางทางน้ำจนน้ำไม่สามารถไหลได้สะดวก ประกอบกับวันนี้ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มและมีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะ ๆ ส่วนผู้ใช้รถใช้ถนนผ่านเส้นทางสายนี้ต้องเพิ่มความระมัดระวังโดยเฉพาะรถเล็ก รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ ป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ถนนอ่างทอง-ป่าโมกสายเก่าพัง
ที่ จ.อ่างทอง น้ำเจ้าพระได้ล้นตลิ่งไหลข้ามถนนอ่างทอง-ป่าโมก สายเก่าหมู่ 1 ต.ป่าโมก อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง และข้ามฝั่งลงไปยังคลองชลประทานขนานกับถนนเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร ระดับบนถนนสูง 50-30 เชนติเมตร กระแสน้ำที่ไหล่บ่าข้ามถนนทำให้ถนนพังเสียหายและมีเสาไฟฟ้าส่องสว่างริมทางหักโค่น ไม่สามารถใช้การจราจรได้ผ่านเส้นทางได้ ผู้ใช้รถต้องใช้ทางเลี่ยงถนนคันคลองชลประทานในการสัญจร
นายศราวุธ เผ่าพยัฆ์ นายก อบต.เอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กล่าวว่า เมื่อช่วงกลางดึกคืนวันที่ 30 ก.ย. ที่ผ่านมาน้ำเจ้าพระยาได้ล้นตลิ่งข้ามถนนทำให้ถนนพังเสียหาย เสาไฟฟ้าหักโค่น ต้องใช้ทางเลี่ยงในการสัญจร น้ำที่เอ่อล้นไหลบ่ามาส่งผลกระทบไปยังตำบลนรสิงห์ และตำบลเอกราช อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทองด้วย ซึ่งต้องเร่งกั้นน้ำบนถนนอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ขยายวงกว้างต่อไป
อุตุฯพยากรณ์ไทยยังมีฝนตกต่อเนื่อง
ขณะที่ กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ ระหว่างวันที่ 30 ก.ย. - 6 ต.ค. 2565 ว่า ร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่อ่อนกำลังลงจากพายุ “โนรู” บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยยังคงมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่งในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังค่อนข้างแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองสูงประมาณ 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
4-6 ต.ค.มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่
หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 4 – 6 ต.ค. 65 บริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และทะเลจีนใต้ ส่งผลทำให้ร่องมรสุมเลื่อนลงไปพาดผ่านบริเวณภาคกลางตอนล่างและภาคตะวันออก ในขณะที่มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน และภาคใต้มีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนลดลง แต่ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร และอ่าวไทยมีคลื่นสูง 1 - 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรข้อควรระวัง
ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก
ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนที่ตกหนัก และฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ตลอดช่วง ส่วนชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไปจนถึงวันที่ 2 ต.ค. 65
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี