‘เฉลิมชัย’ สั่งเปิดพื้นที่ของหน่วยงานในสังกัดรองรับการ ‘อพยพ’ ของประชาชน บรรเทาความเดือดร้อนหลังฝนตกหนัก-น้ำท่วมในหลายพื้นที่ สั่ง ‘กรมชลประทาน’ บริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ พร้อมตั้งศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์
4 ตุลาคม 2565 นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ที่ร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง และพายุดีเปรสชัน “โนรู” ทำให้มีฝนตกหนักถึงหนักมาก ประกอบกับฝนที่ตกสะสมตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีพื้นที่ประสบอุทกภัยในหลายพื้นที่
ล่าสุดได้สั่งการกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำอย่างเต็มศักยภาพ เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่ทะเลอ่าวไทย โดยให้โครงการชลประทานในพื้นที่รับช่วงต่อการระบายน้ำให้สอดคล้องกัน ให้คำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชนเป็นหลัก และเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำเพิ่มเติมเพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังได้สั่งการทุกหน่วยงานในสังกัดเตรียมความพร้อมในการเปิดพื้นที่เป็นสถานที่รองรับการอพยพของประชาชน พร้อมเข้าช่วยเหลือในการอพยพ หรือขนย้ายสิ่งของด้วย
นายเฉลิมชัย กล่าวว่า ขณะเดียวกันยังสั่งการให้ทุกหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรฯ เร่งสำรวจความเสียหายด้านการเกษตร ควบคู่ไปกับการให้ช่วยเหลือในด้านต่าง ๆ ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ โดยให้เตรียมความพร้อมในส่วนของพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์ไว้คอยช่วยเหลือ โดยเฉพาะพันธุ์ข้าวด้วย พร้อมเตรียมแผนทั้งระยะสั้น/ระยะยาว เพื่อแก้ไขปัญหา และเร่งเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบทันทีหลังจากที่น้ำลดลงทันที
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นศูนย์ติดตามและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้สรุปผลกระทบด้านการเกษตร (ข้อมูล ณ วันที่ 3 ต.ค. 65) ด้านพืช ได้รับผลกระทบ 49 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกำแพงเพชร เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ตาก แพร่ พะเยา ลำปาง ลำพูน แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ สุโขทัย พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ อุทัยธานี กาฬสินธุ์ ขอนแก่น ชัยภูมิ เลย มหาสารคาม บุรีรัมย์ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ยโสธร หนองคาย หนองบัวลำภู ศรีสะเกษ สุรินทร์ อุดรธานี อุบลราชธานี อำนาจเจริญ กรุงเทพมหานคร ชัยนาท ประจวบคีรีขันธ์ ราชบุรี ตราด ปราจีนบุรี นครนายก สระแก้ว จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ระยอง พระนครศรีอยุธยา อ่างทอง สระบุรี สิงห์บุรี และจังหวัดภูเก็ต
เกษตรกรได้รับผลกระทบ 294,412 ราย พื้นที่ได้รับผลกระทบ 2,196,131 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 1,502,070 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 671,851 ไร่ ไม้ผลไม้ยืนต้น และอื่นๆ 22,210 ไร่ สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 29,064 ราย พื้นที่ 246,697 ไร่ แบ่งเป็น ข้าว 207,134 ไร่ พืชไร่และพืชผัก 38,454 ไร่ ไม้ผล ไม้ยืนต้น และอื่น ๆ 1,109 ไร่ คิดเป็นเงิน 341.42 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว เกษตรกร 385 ราย พื้นที่ 2,231 ไร่ วงเงิน 3.54 ล้านบาท
ด้านประมง ได้รับผลกระทบ 30 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงราย เชียงใหม่ น่าน ตาก พะเยา ลำปาง ลำพูน พิจิตร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุทัยธานีกาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี กรุงเทพมหานคร ตราด ระยอง ปราจีนบุรี นครนายก สระบุรี สระแก้ว สุพรรณบุรี อ่างทอง และจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เกษตรกรได้รับผลกระทบ10,562 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับผลกระทบ 11,736 ไร่ แบ่งเป็น บ่อปลา 11,577 ไร่ บ่อกุ้ง 159 ไร่ กระชัง 1,166 ตรม. สำรวจพบความเสียหายแล้ว เกษตรกร 477 ราย พื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้รับความเสียหาย 441 ไร่กระชัง 11ตร.ม.คิดเป็นเงิน 2.55 ล้านบาท ช่วยเหลือแล้ว เกษตรกร 156 ราย พื้นที่264 ไร่ วงเงิน 1.52 ล้านบาท
ด้านปศุสัตว์ ได้รับผลกระทบ 9จังหวัด ได้แก่ จังหวัดเชียงใหม่ พิษณุโลก อุตรดิตถ์ อุทัยธานี ยโสธร อุบลราชธานี ระยอง จันทบุรี และปราจีนบุรี เกษตรกร 3,952 ราย สัตว์ได้รับผลกระทบ 786,259 ตัว แบ่งเป็น โค 9,491ตัว กระบือ 3,217ตัว สุกร 5,987 ตัว แพะ/แกะ 1,3
วันเดียวกัน นายเฉลิมชัย เปิดเผยภายหลังพิธีปล่อยขบวนรถหญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยจากพายุโนรูทั่วประเทศ โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้บริหารกรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม ณ ศูนย์ราชการกรมปศุสัตว์ ถนนติวานนท์ ตำบลบางกะดี อำเภอเมือง จังหวัดปทุมธานี ว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมปศุสัตว์ ได้มีการวางแผนและเตรียมความพร้อมในด้านต่าง ๆ จนสามารถดำเนินการให้ความช่วยเหลือแก่พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่มีอยู่กว่า 3 ล้านครัวเรือนทั่วประเทศ ซึ่งสามารถลดทอนความเสียหายและบรรเทาความเดือดร้อนได้อย่างมาก จนทำให้กรมปศุสัตว์ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ดำเนินงาน “หญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน” ซึ่งนับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างล้นพ้น และเป็นเกียรติภูมิอันสูงยิ่งของพี่น้องชาวกรมปศุสัตว์ จากการติดตามงานทางช่องทางต่าง ๆ ทำให้ทราบว่า เจ้าหน้าที่ทุกส่วนงานของกรมปศุสัตว์ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ได้มีความตั้งใจ และทุ่มเทในการปฏิบัติภารกิจดังกล่าวอย่างเต็มกำลังเป็นที่ประจักษ์ และสร้างความพึงพอใจแก่พี่น้องเกษตรกรเป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ จากการที่ประเทศไทยได้รับอิทธิพลจากพายุ “โนรู” จนส่งผลให้เกิดอุทกภัยเป็นวงกว้าง ส่งผลกระทบต่อสัตว์เลี้ยงของเกษตรกรในหลายพื้นที่ จนทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อน ขาดแคลนอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยง บางพื้นที่มีการอพยพสัตว์เลี้ยงไปบนพื้นที่สูงที่มีความปลอดภัย มีสัตว์เจ็บป่วยที่ต้องการการดูแลรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งในเบื้องต้น กรมปศุสัตว์ได้ระดมสรรพกำลังออกไปให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ทั้งด้านการอพยพสัตว์ เสบียงสัตว์ ตลอดจนการรักษาพยาบาลสัตว์ เพื่อเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนและลดความเสียหายให้กับเกษตรกร
อย่างไรก็ตาม นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ ที่กรมปศุสัตว์ได้รับพระบรมราชานุญาต ให้ดำเนินการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ด้วย “หญ้าอาหารสัตว์พระราชทาน” นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา โดยกรมปศุสัตว์ได้มีการเตรียมความพร้อมในการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ที่ประสบภัยพิบัติ ในปี 2566 ได้แก่ ด้านการบริหาร โดยการจัดตั้ง “ศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ (ศปภ.ปศ.)” ซึ่งมีอธิบดีกรมปศุสัตว์เป็นผู้อำนวยการศูนย์ ส่วนด้านเสบียงสัตว์สำรอง เพื่อความมั่นคงด้านอาหารสัตว์ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ 32 แห่งทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น 5,366 ตัน พร้อมทั้งจัดถุงยังชีพสำหรับสัตว์ จำนวน 3,000 ถุง สำรองยานพาหนะ 118 คัน จัดหน่วยสัตวแพทย์เคลื่อนที่ 161 ทีม จุดอพยพสัตว์ 1,919 จุด และเวชภัณฑ์ดูแลสุขภาพสัตว์ประจำ 9 เขต
สำหรับสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ กระทรวงเกษตรฯ โดยกรมปศุสัตว์ ได้ลงพื้นที่เร่งสำรวจจังหวัดที่ได้รับผลกระทบด้านปศุสัตว์ พบว่า มีจำนวน 10 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยดังกล่าว ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้ให้การช่วยเหลือเฉพาะหน้าไปแล้ว 7 จังหวัด คือ ศรีสะเกษ ยโสธร นครราชสีมา สิงห์บุรี ร้อยเอ็ด สุรินทร์ และอุบลราชธานี และยังเหลืออีก 3 จังหวัดที่จะดำเนินการให้ความช่วยเหลือต่อไป ได้แก่ พิษณุโลก เชียงใหม่ และร้อยเอ็ด โดย 7 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบ แบ่งเป็น เกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์จำนวน 17,632 ราย สัตว์เลี้ยงจำนวน 549,668 ตัว ได้แก่ โค 42,721 ตัว กระบือ 12,161 ตัว สุกร 7,038 ตัว แพะ/แกะ 1,467 ตัว และสัตว์ปีก 486,281 ตัว และแปลงหญ้าที่ได้รับความเสียหายอีกจำนวน 574 ไร่
จากการสรุปผลการช่วยเหลือในวันที่ 30 กันยายน 2565 ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ได้ให้การช่วยเหลือเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ไปแล้ว 8,855 ราย และอพยพสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ เป็นจำนวน 15,695 ตัว แบ่งเป็น โค 11,088 ตัว กระบือ 2,974 ตัว สุกร 30 ตัว แพะ/แกะ 27 ตัว และสัตว์ปีก 1,576 ตัว อีกทั้งกรมปศุสัตว์ยังได้สนับสนุนเสบียงสัตว์ไปแล้ว 126,200 กิโลกรัม รักษาสัตว์ป่วยอีกจำนวน 23 ตัว และมอบถุงยังชีพสัตว์ให้แก่เกษตรกรอีกจำนวน 250 ถุง และหลังจากเหตุการณ์อุทกภัยได้คลี่คลายและกลับคืนสู่สภาพปกติแล้ว กรมปศุสัตว์จะเร่งดำเนินการสำรวจความเสียหายเพื่อทราบถึงจำนวนสัตว์ตายหรือสูญหายของเกษตรกรแต่ละราย และดำเนินการชดเชยเยียวยาตามระเบียบของทางราชการอีกครั้งหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม เกษตรกรผู้ประสบอุทกภัยสามารถติดต่อขอรับการสนับสนุนเสบียงสัตว์รวมไปถึงความช่วยเหลือด้านการปศุสัตว์ ได้ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัด สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ หรือศูนย์วิจัยและพัฒนาอาหารสัตว์ในพื้นที่ ผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ หรือติดต่อศูนย์อำนวยการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติด้านปศุสัตว์ (ศปภ.ปศ.) กรมปศุสัตว์
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี