ตร.สืบลาดหญ้า กาญจนบุรี ตามรวบ "ไอ้นพ เลาขวัญ" มือลักรถจักรยานยนต์ ไม่เว้นแม้รถของแม่ยาย นำไปขายให้นายทุนในอู่ทอง พบก่อเหตุมา 4 คดี ตำรวจตามรวบยึดรถคืนเจ้าของได้หมด เจ้าตัวสารภาพเลือกเฉพาะ จยย.ที่คากุญแจไว้ ง่ายดี โดนข้อหาเสพยาบ้าอีก 1 คดี
วันนี้ (6 ต.ค.65) พ.ต.อ.เตชินท์ บรรจง ผกก.สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 ก.ย.65 ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่บ้านจันอุย หมู่ 5 ต.ลาดหญ้า อ.เมืองกาญจนบุรีว่ารถจักรยานยนต์ถูกคนร้ายขโมยไป ต่อมาวันที่ 24 ก.ย.พนักงานสอบสวน สภ.ลาดหญ้า ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่เดียวกันว่ารถจักรยานยนต์ที่จอดเอาไว้กลางทุ่งนาถูกคนร้ายขโมยไปเช่นกัน
จากนั้นวันที่ 30 ก.ย.ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้าว่ามีคนเข้ามาขโมยรถจักรยานยนต์ขณะจอดเอาไว้ที่หน้าบ้าน และวันที่ 4 ต.ค.ที่ผ่านมา คนร้ายได้ไปขโมยรถจักรยานยนต์ ที่จอดเอาไว้ที่บ้านพักเก่าค่ายสุรสีห์ โดยกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพของคนร้ายเอาไว้ได้อย่างชัดเจน จากการสังเกตพบว่ารถจักรยานยนต์ที่ถูกขโมยไปแต่ละคันเจ้าของจะคากุญแจเอาไว้กับรถ และช่วงการก่อเหตุจะทิ้งระห่างกันประมาณไม่เกิน 7 วัน
แต่ละคดีนั้นตนได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ฉัฐภูมิ วิทยเกษมพงศ์ รอง ผกก.สส.สภ.ลาดหญ้าฯ พ.ต.ต.สุเชาว์ เหมือนมิ่ง สว.สส.สภ.ลาดหญ้าฯ พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลาดหญ้าฯ ลงพื้นที่สืบสวนสอบสวนเพื่อหาข่าวในการติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้ และจากการที่รถถูกขโมยไปนั้น เชื่อว่าจะเป็นคนในพื้นที่และที่สำคัญเจ้าหน้าที่ได้ตรวจภาพจากกล้องวงจรปิดอย่างละเอียด จนกระทั่งรู้ตัวผู้ก่อเหตุนั้นเป็นใคร จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจรถยนต์และรถจักรยานยนต์ให้ออกลาดตระเวนคอยสังเกตรูปร่างลักษณะของผู้ก่อเหตุตลอด 24 ชั่วโมง
จนกระทั่งเวลาประมาณ 12.00-13.00 น.ของวันที่ 5 ต.ค.ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน พบชายต้องสงสัยลักษณะรูปร่างใกล้เคียงกับคนร้ายที่ก่อเหตุกำลังจูงรถจักรยานยนต์อยู่หน้าสถานที่ราชการแห่งหนึ่งที่อยู่ท้องที่หมู่ 1 ต.ลาดหญ้า เนื่องจากน้ำมันหมด เจ้าหน้าที่จึงนำกำลังเข้าไปตรวจสอบ พบว่าชายคนดังกล่าวคือนายมานพ ปานสมสวย หรือ นพ เลาขวัญ อายุ 30 ปี อยู่หมู่ 9 ต.หนองประดู่ อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามจับกุมตัวอยู่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ชุดสิบสวนจึงนำตัวมาสอบปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.ลาดหญ้า
โดยนายมานพ ให้การยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุลักรถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คันจริงโดย 1 ใน 4 เป็นรถจักรยานยนต์ของแม่ยายที่ขโมยไปเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่บ้านจันอุย หมู่ 5 ต.ลาดหญ้า ซึ่งรถจักรยานยนต์ทั้ง 4 คันได้นำไปขายให้กับนายทุนที่อยู่ในพื้นที่ ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี ในราคาคันละ 3,000-4,000 บาทแล้วแต่จะตกลงราคากันได้ หลังได้เงินมาก็จะนำไปซื้อยาบ้ามาเสพที่เหลือเอาไว้เป็นค่าใช้จ่าย
สำหรับรถจักรยานยนต์ที่จะขโมยไม่จำเป็นต้องเป็นรถยี่ห้ออะไร หากเดินไปพบเจ้าของเสียบกุญแจคาไว้กับรถ แต่ตัวเจ้าของไม่อยู่ก็จะแกล้งเดินผ่านไปพร้อมกับก้มมองว่ามีใครอยู่ใกล้กับรถหรือไม่ เมื่อไม่มีก็จะเดินย้อนกลับมาแล้วขโมยรถไปทันที
หลังจากนายมานพ ให้การยอมรับสารภาพ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.ลาดหญ้า จึงได้คุมตัวผู้ต้องหาเดินทางไปที่ ต.จรเข้สามพัน อ.อู่ทอง จ.สุพรรณบุรี เพื่อขยายผลติดตามจับกุมนายทุนผู้รับซื้อในข้อหารับของโจร และสามารถยึดรถจักรยานยนต์คืนกลับมาให้กับผู้เสียหายได้ทั้ง 4 คัน ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนกำลังสอบปากคำผู้ต้องหาเพิ่มเติม หากพบมีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องอีกก็จะติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีให้ได้ ส่วนตัวของนายมานพ นอกจากจะถูกดำเนินคดีในข้อหาลักทรัพย์แล้วยังจะต้องถูกนำเดินคดีในข้อหาเสพยาบ้าอีก 1 คดี เนื่องจากเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจหาสารเสพแล้วพบว่าฉี่เป็นสีม่วง ซึ่งตัวผู้ต้องหาเองก็ยอมรับสารภาพ
พ.ต.อ.เตชินท์ บรรจง ผกก.สภ.ลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี เปิดเผยว่า ทั้งนี้อยากจะฝากเตือนไปถึงประชาชนในพื้นที่ว่า หากใช้รถยนต์หรือรถจักรยานยนต์ไปตลาดหรือไปธุระ หรือแม้กระทั่งจอดเอาไว้ที่หน้าบ้านก็ตาม ขอให้ล็อคทุกครั้งแล้วนำกุญแจติดตัวไปด้วย เนื่องจากเราไม่รู้หรอกว่ารถจะถูกขโมยเมื่อไหร่ เพราะกลุ่มคนร้ายเหล่านี้มีความเชี่ยวชาญในการลักรถที่ใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็สามารถขโมยไปได้แล้ว ยิ่งเจ้าของรถคากุญแจเอาไว้ด้วยแล้ว ยิ่งง่ายต่อการขโมย - 003
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี