ศาลอาญาคดีทุจริตภาค 8 สั่งจำคุกอ่วม 385 ปี อดีตผอ.โรงเรียนอนุบาล อมเงินค่าอาหารกลางวันนักเรียนกินขนมจีนคลุกน้ำปลา รับสารภาพเหลือติด 192 ปี 6 เดือน แต่จำคุกจริง 50 ปี ตามกฎหมาย ศาลไม่รอการลงโทษชี้ ทำผิดต่อเนื่องยาวนาน ใช้อำนาจหาผลประโยชน์ กระทบพัฒนาการเด็ก ส่งผลเสียระยะยาว  พฤติการณ์ร้ายแรง

21 ตุลาคม 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆนี้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ถนนมะขามชุม จ.นครศรีธรรมราช ศาลได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตอาหารกลางวันนักเรียนอนุบาลหมายเลขดำ อท.29/2564 หมายเลขแดง อท.42/2565 ที่พนักงานอัยการคดีปราบปรามการทุจริตภาค 8 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายสมเชาว์ สิทธิเชนทร์ อดีตผอ.โรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เป็นจำเลย ในความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท , ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต

กรณีเด็กนักโรงเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนบ้านท่าใหม่ อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ทานอาหารกลางวันที่ทางโรงเรียนจัดให้ แต่กลับปรากฏว่าในจานมีเพียงเส้นขนมจีนเปล่าคลุกกับน้ำปลา และไม่มีอาหาร อื่นๆอีกเลย โดยจำเลยให้การรับสารภาพ

ศาลพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 (เดิม),162(1)(4)(เดิม) และพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 121/1 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151(เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และการกระทำของจำเลยในแต่ละครั้งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน จึงให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวม 77กระทง ให้จำคุกกระทงละ 5 ปี รวม 385 ปี

จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกกระทงละ 2 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 192 ปี 6 เดือน เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วคงจำคุก 50 ปี  ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)

ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ข้อเท็จจริงตามฟ้องและพยานหลักฐานโจทก์ตามทางไต่สวนแล้ว เห็นว่า การกระทำของจำเลยในแต่ละกระทงความผิดแม้คิดคำนวณได้เป็นตัวเงินไม่มากนัก แต่จำเลยได้กระทำผิดมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ทั้งจำเลยเป็นผู้บริหารโรงเรียนแต่กลับอาศัยอำนาจหน้าที่เบียดบังเอาผลประโยชน์ที่ไม่ควรได้ทำให้เด็กนักเรียนในปกครองไม่ได้รับอาหารกลางวันที่มีคุณภาพ และจำนวนที่เพียงพอต่อการพัฒนาการทางร่างกายและย่อมส่งผลเสียในระยะยาว พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรงไม่สมควรรอการลงโทษ  คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

-005