วิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ (CIM) มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) ผนึกกำลังเครือข่ายพันธมิตร 28 สถาบัน ทั้งไทยและต่างประเทศ ลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งด้าน Wellness ในงาน “DPU Wellness Showcase” พร้อมเปิดศูนย์บริการด้านสุขภาพแบบครบวงจร “DPU Wellness Center” เพื่อส่งเสริมการเรียนการสอนแก่นักศึกษา และให้บริการแก่บุคคลทั่วไป ณ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า การจัดกิจกรรม DPU Wellness Showcase และการเปิดศูนย์ DPU Wellness Center นอกจากจะเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 55 ปี แล้ว ยังเป็นการฉลองครบรอบ 11 ปี ของหลักสูตรเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ ซึ่ง Wellness เป็นหนึ่งในแนวทางขับเคลื่อนด้านการศึกษาของ DPU และเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาประเทศด้วย โดยประเทศไทยและทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 3 ส่วน คือ Digital Economy, Green Economy และ Care Economy ซึ่ง DPU มีความพร้อมทั้งด้านแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในการพัฒนาผลิตบุคลากรที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม Wellness และ DPU ยังมีหน้าที่หลัก คือ การผลิตและพัฒนาคนให้สอดรับกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม และกำลังคนของประเทศ ซึ่งไทยยังขาดแคลนบุคลากรด้าน Wellness รวมทั้งงานวิจัยด้านนี้มีจำนวนจำกัด การเปิดศูนย์ DPU Wellness Center จึงจะเป็นแหล่งฝึกปฏิบัติการสำหรับนักศึกษา รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาวิจัยร่วมกับเครือข่ายต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน
ด้าน ผศ.ดร.นพ.พัฒนา เต็งอำนวยคณบดีวิทยาลัยการแพทย์บูรณาการ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ กล่าวว่า มหาวิทยาลัยต้องมีการสร้างความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกเพื่อนำประสบการณ์ องค์ความรู้ให้แก่นักศึกษา การเปิดศูนย์ DPU Wellness Center ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ โดยจะเริ่มเปิดให้บุคคลภายนอกเข้ามาใช้บริการในส่วนของแพทย์แผนไทย ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2565 ก่อนจะเปิดอย่างเป็นทางการ ด้านการดูแลสุขภาพ (Wellness) อย่างครบวงจรในปี 2566 ซึ่งปัจจุบันวิทยาลัยได้มีการเปิดหลักสูตรปริญญาตรี 3 หลักสูตร คือ หลักสูตรสุขภาพและความงาม หลักสูตรการประกอบอาหารเพื่อสุขภาพ ซึ่งในอนาคตจะเปลี่ยนเป็นหลักสูตรโภชนวิทยาและการประกอบอาหารสุขภาพ และหลักสูตรการแพทย์แผนไทย รวมทั้งนักศึกษาสามารถต่อยอดเรียนปริญญาโท สาขาเวชศาสตร์ชะลอวัย และสาขาแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดปริญญาโทแพทย์แผนจีนด้วย
นพ.ธงชัย เลิศวิไลรัตนพงศ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก กล่าวถึงทิศทาง Wellness ในประเทศไทย ว่า การเรียนการสอนของแพทย์ไม่ได้มีการบรรจุเกี่ยวกับศาสตร์ทางเลือก หรือ Wellness ทำให้การทำหน้าที่ของแพทย์มุ่งไปสู่การรักษามากกว่าการป้องกันและฟื้นฟู ปัจจุบัน สธ. ได้ให้ความสำคัญในการส่งเสริมการป้องกันและฟื้นฟูสุขภาพ และพยายามจะผลักดันให้มีการดูแลสุขภาพที่เป็นบทบาทของทุกคน แต่ต้องยอมรับว่าทิศทางของงบประมาณจะมุ่งเน้นไปที่เรื่องการรักษา
“นโยบายของ สธ. จะมีการส่งเสริมสุขภาพที่ดีเพื่อนำไปสู่เศรษฐกิจที่มั่นคงมากยิ่งขึ้น กรมการแพทย์แผนไทยและแพทย์ทางเลือก จึงได้มีการสนับสนุนและพยายามหาโมเดลในการดำเนินการเรื่อง Wellness Center ซึ่งไม่ได้จำกัดเฉพาะในส่วนของสถานพยาบาล แต่จะขยับไปสู่โรงแรม ร้านอาหาร สปา และทุกภาคส่วนต้องบูรณาการร่วมกัน โดยใช้ความเป็นไทยบริหารการท่องเที่ยว ทำให้ทุกคนที่มาประเทศไทยมีความมั่นใจในระบบประกันสุขภาพของไทย ที่สำคัญการมีสุขภาพดีสามารถยกระดับเรื่องเศรษฐกิจของประเทศให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้นได้” นพ.ธงชัย กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี