ให้ออกจากราชการ'พ.ต.ท.ขายข้อมูลคนไทยให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ขณะที่กระทรวงพาณิชย์นั่งไม่ติดด้วย สั่งสอบขรก.ให้เสร็จภายใน 5 วัน หากพบผิดจริงเช็คบิลทางวินัยและอาญา โทษหนักปลดออก หรือไล่ออก
ความคืบหน้ากรณีตำรวจไซเบอร์ บุกจับ 2 เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นนายตำรวจยศ พ.ต.ท. และเจ้าหน้าที่กระทรวงแห่งหนึ่ง นำข้อมูลคนไทยกว่า 1,000 คน ไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพื่อนำไปใช้ในการหลอกลวง โดยตรวจพบมีเงินโอนเข้าบัญชีวันละ 2 หมื่น หรือเดือนละ 600,000 บาท โดย พล.ต.ท.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบช.ภ.7 ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.วันชัย ธารณธรรม ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น ( อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : งามไส้!รวบ‘พ.ต.ท.-ขรก.กระทรวง’ ขายข้อมูล‘ทะเบียนราษฎร์-การค้า’ให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์)
ล่าสุดมีรายงานว่า ตำรวจภูธรประจวบคีรีขันธ์ ได้มีคำสั่งเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2565 ตั้งกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง นายตำรวจยศ"พ.ต.ท."ดังกล่าว โดยสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน โดยลงนามในคำสั่ง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา โดยมี พ.ต.อ.กิตติภพ ชมภูนุช รอง ผบก.ภ.จว.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นประธานคณะกรรมการสอบสวนฯ
สำหรับพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.คนดังกล่าวนั้น มีการตรวจว่า ได้เข้ารหัสเฉพาะของเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเข้าไปกดดูฐานข้อมูลทะเบียนราษฎรของผู้เสียหาย (ทร.14) นับครั้งไม่ถ้วน รวมทั้งความถี่ในการโอนเงินเข้าบัญชีธนาคาร จนเป็นเหตุแห่งการสงสัยนั้น อย่างไรก็ตาม ได้อ้างว่า เป็นการหาข้อมูลให้กับเพื่อนหญิง ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่กระทรวง นำไปใช้เพื่องานวิจัยในระดับปริญญาโทเท่านั้น ไม่ใช่การนำไปขายให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากมีเงินไหลเข้าบัญชีเดือนละกว่า 6 แสนบาท
ขณะเดียวกันนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวถึงกรณีมีข้าราชการกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้องกับการขายข้อมูลนิติบุคคลให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ผ่าน Zoom ว่า กรมฯ ได้สั่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวแล้ว มีรองอธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธาน กำหนดให้ตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน หากพบพฤติกรรมที่เกิดขึ้นตามที่ถูกกล่าวหาจริง กระทำความผิดจริง ก็จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบวินัย ถ้าผิดวินัยร้ายแรง ก็จะมีโทษ คือ ปลดออกหรือไล่ออก และจะดำเนินการตามกฎหมายสูงสุดทั้งวินัย อาญา เพราะเป็นพฤติกรรมที่ไม่น่าให้อภัย
อย่างไรก็ตาม กรมฯได้รายงานเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับผู้บังคับบัญชีตามลำดับชั้นแล้ว ทั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่วันที่ทราบเหตุ คือ วันที่ 28 ต.ค.65 ผ่านมา โดยผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์สั่งการให้ตรวจสอบและหาข้อเท็จจริงให้ปรากฏอย่างเร็วที่สุด และให้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) ในการดำเนินการอย่างเต็มที่
นอกจากนี้ เบื้องต้น กรมฯ ได้สั่งให้ย้ายเจ้าหน้าที่ดังกล่าว เข้ามาปฏิบัติงานในส่วนกลาง โดยให้เข้ามาปฏิบัติภารกิจที่ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพื่อให้สะดวกต่อการตรวจสอบข้อเท็จจริง และหากตรวจสอบพบว่ามีบุคคลอื่นเกี่ยวข้อง ก็จะดำเนินการตามระเบียบสูงสุดด้วย เพราะกรมฯ ได้เน้นย้ำต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานมาโดยตลอดว่าให้ปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเป็นสำคัญ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี