คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี สถาบันยุวทัศน์ประเทศไทย ร่วมกับภาคีเครือข่ายควบคุมยาสูบในประเทศไทย จัดงานเสวนาวิชาการ “บุหรี่ไฟฟ้า วิกฤตสุขภาวะวัยรุ่นไทย” ที่โรงแรมแมนดาริน กรุงเทพฯ ถนนพระราม 4 เมื่อช่วงต้นเดือนพ.ย. 2565 ที่ผ่านมา โดย ศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ คณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบแห่งชาติ กล่าวเปิดเวทีตอนหนึ่งถึงการทำเรื่องสงครามยาเสพติด พื้นฐานสำคัญคือเรื่อง บุหรี่ โดยมี 3 ปัจจัยทำลายสังคมไทย 1.บุหรี่ 2.บุหรี่ไฟฟ้า และ 3.กัญชา ซึ่งที่กำลังมาแรงคือบุหรี่ไฟฟ้า
โดยเฉพาะผู้หญิงมองเรื่องการสูบบุหรี่ไฟฟ้า เป็นเรื่องเท่มาก เป็นแฟชั่น ขณะที่กัญชามาแบบนโยบายรัฐกัญชาเสรีมันระเบิดเทิดเถิง เกิดวัฒนธรรมทำมวนบุหรี่ ซึ่ง 3 ปัจจัยดังกล่าว ถือเป็น 3 อันตรายแนวราบ หากเด็กและเยาวชน เข้าถึงตัวใดตัวหนึ่ง เชื่อว่าจะได้ใช้อีกสองตัวแน่นอน อันตรายจึงเปิดช่องมากขึ้นๆ โดยเฉพาะการเข้าถึงทางสื่อสังคมออนไลน์ ขณะที่ครอบครัวไม่มีเวลา โรงเรียนไม่รู้มีบุหรี่ไฟฟ้า สอนแต่เรื่องบุหรี่มวนนี่คือสถานการณ์วิกฤต อาการที่น่าเป็นห่วงมาก
“ขณะนี้มาตรฐานของเด็กไทยน่าเป็นห่วงที่สุด คิดดูหากสามตัวนี้เข้ามาอีก สภาวะเด็กไทยจะเป็นอย่างไร ปัจจุบันคนเครียด คลุ้มคลั่งเยอะ สามารถใช้ยาบ้า และเสี่ยงต่อความรุนแรง คือเรื่องปืน ฉะนั้น หากสืบไปสืบมาพื้นฐานจะมีเรื่องของบุหรี่ เหล้า เราห้ามแต่เสรี ประเทศไทยมีกฎหมายควบคุม แต่หากเข้าไปทางสังคมออนไลน์ พิมพ์คำว่า บุหรี่ไฟฟ้า ขึ้นมาเป็นหมื่นๆ รสชาติ เป็นพันๆ ชนิด อีกทั้งครอบครัวไม่รู้ว่า เป็นบุหรี่ไฟฟ้า เพราะรูปร่างหน้าตาคล้ายเครื่องประดับ ฉะนั้น ประตูสู่วงจรสีเทา จะดำมากขึ้นหากเราไม่ทำอะไรเลย” ศ.ดร.สมพงษ์ กล่าว
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช อาจารย์ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งข้อสังเกตถึงเป้าหมายการออกผลิตภัณฑ์บุหรี่ไฟฟ้าว่าพุ่งเป้าไปที่ผู้ใหญ่จริงหรือไม่ เพราะหากดูรสชาติของบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว แต่ละรสชาติดึงดูดเด็กและเยาวชนทั้งสิ้น อีกทั้งข้อมูลงานวิจัยต่างประเทศล่าสุดตีพิมพ์วันที่ 25 ต.ค. 2565 ที่ชี้ชัดว่า น้ำยาในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำให้เสียชีวิตเฉียบพลันได้ ซึ่งหากเทียบกับบุหรี่มวน กว่าจะป่วยเป็นถุงลมโป่งพองยังต้องใช้เวลาหลายสิบปี
“พิษของบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียวที่เป็นวิกฤต แต่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก งานวิจัยปีล่าสุด 2022 (2565) พบว่า เด็กมัธยมในอเมริกา 2.5 ล้านคน สูบบุหรี่ไฟฟ้า และ
1 ใน 4 สูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน ถือเป็นตัวเลขที่น่าตกใจ หรือแม้แต่ในอังกฤษงานวิจัยที่สำรวจปีนี้ พบว่า 1 ใน 5 นักเรียนหญิงอังกฤษอายุ 15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้า แม้กระทั่งประเทศนิวซีแลนด์ เดิมห้ามบุหรี่ไฟฟ้า มายกเลิกปี 2018 (2561) ปัจจุบันตัวเลขล่าสุด ปี 2021 (2564) พบว่า อัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าเด็กอายุ 14-15 ปี พุ่งสูงขึ้นอย่างน่าตกใจ” รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ระบุ
รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อไปว่า ส่วนในประเทศไทย รายงานการสำรวจสุขภาพประชาชนไทย โดยการตรวจร่างกาย (2562-2563) พบอัตราการสูบบุหรี่ไฟฟ้าวัยรุ่นอายุ 10-19 ปี นั้น
ร้อยละ 5.3 เคยลองสูบ และร้อยละ 2.9 บอกว่า สูบประจำในจำนวนนี้ร้อยละ 30 เป็นผู้หญิง ซึ่งต่างจากบุหรี่มวนที่พบผู้หญิงสูบน้อยมาก รวมถึงในไทยก็ยังมีงานวิจัยที่พบว่า เด็กที่เริ่มด้วยบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูบบุหรี่มวนถึง 5 เท่า หรือสูบทั้ง 2 อย่างเพิ่ม 7 เท่า
นอกจากนั้น นิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสารเสพติดจะส่งผลโดยตรงต่อสมองและระบบประสาท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กและเยาวชนที่สมองจะเจริญเติบโตไม่เต็มที่ พิษของนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าจะส่งผลให้เด็กที่สูบมีอาการหงุดหงิดง่าย เรียนหนังสือไม่รู้เรื่อง ความจำแย่ลง ปวดศีรษะ อารมณ์แปรปรวน สมาธิสั้น และภาวะซึมเศร้า และจากข้อมูลสำรวจเด็กและเยาวชนไทยอายุ 10-19 ปีที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า พบว่า ร้อยละ 53 มีภาวะเสี่ยงโรคซึมเศร้า และเด็กที่เคยลองสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะเป็นโรคซึมเศร้าเพิ่มขึ้น 2 เท่า
นายพชรพรรษ์ ประจวบลาภ เลขาธิการสถาบันยุวทัศน์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า จากการทำงานได้พบเห็นเด็กระดับประถมสูบบุหรี่ไฟฟ้ากันแล้ว อีกทั้งไม่เคยคิดมาก่อนว่า วันหนึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเป็นอุปกรณ์หนึ่งในร่างกาย เป็นสินค้าที่กลายเป็นเครื่องประดับไปแล้ว มีการห้อยบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อความเท่ ฉะนั้น บุหรี่ไฟฟ้าจึงไม่ใช่เรื่องของคนอยากหรือไม่อยากสูบ แต่มีเรื่องการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“หากทำให้บุหรี่ไฟฟ้าถูกกฎหมาย จบเลยสังคมไทย ดังนั้นอยากฝากถึงผู้กำหนดนโยบายขอให้เอาจริงเอาจังกับสิ่งที่เป็นภัยกับคนในสังคม เราต้องให้ความสำคัญกับระบบสุขภาพรวมไปถึงสิ่งที่เราต้องช่วยทำให้สังคมมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงๆ จังๆ กระทรวงศึกษาธิการ ต้องไม่ให้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของวิชาสุขศึกษา ทำงานกับครู สถานศึกษา พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กสู้กับเราด้วยข้อมูล บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย ดังนั้น หากพรรคการเมืองไหนสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้า ขอให้คนไทยไม่เลือกพรรคการเมืองนั้น” นายพชรพรรษ์ กล่าว
นางฐาณิชชา ลิ้มพานิช ผู้จัดการโครงการครอบครัวปลอดบุหรี่ กล่าวถึงสถานการณ์การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในวัยรุ่นและปัญหาที่เกิดภายในครอบครัวที่น่าเป็นห่วง เป็นปัญหาเชิงโครงสร้าง ซึ่งปัจจุบันพบว่า เด็กๆ สามารถเข้าถึงบุหรี่ไฟฟ้าได้ง่ายมีการวางขายกันในตลาดนัด ทางออนไลน์ อีกทั้งข้อมูลที่ได้จากการทำงานกับสถานศึกษา การเยี่ยมบ้านของครู พบมีผู้ปกครองสูบบุหรี่ในบ้าน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเด็กและทำให้เด็กกลุ่มนี้มีแนวโน้มสูบบุหรี่หรือบุหรี่ไฟฟ้าด้วย จึงอยากให้มีการรณรงค์เรื่องนี้ในครอบครัวอย่างจริงจัง
“หลายครอบครัวพบว่าลูกสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว การมีเครือข่ายพ่อแม่จะดีมาก อยากให้พ่อแม่ลุกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียง หรือครอบครัวไหนได้รับผลกระทบจากพิษภัยบุหรี่ไฟฟ้าลุกขึ้นมาเป็นกระบอกเสียง บอกถึงพิษภัยจากบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกัน ไม่ใช่เรื่องของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง” ผู้จัดการโครงการครอบครัวปลอดบุหรี่ กล่าว
ผศ.พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร (หมอโอ๋) กุมารแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านวัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี และแอดมินเพจ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” อธิบายพฤติกรรมการสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ไฟฟ้า หรือการใช้สารเสพติดของวัยรุ่น ว่ามีรากมาจากความต้องการของมนุษย์คนหนึ่ง เช่น การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ได้รับการยอมรับ แตกต่างจากชีวิตจริงที่เขาอยากรู้สึกเจ๋ง เท่ เก่ง และหลายครั้งมนุษย์อยากผ่อนคลาย อยากมีความสุข ในเมื่อที่บ้านไม่มีความสงบ พ่อแม่ตีกัน ติดเหล้า หรือไปโรงเรียนก็ถูกรังแกวัยรุ่นจึงวิ่งหาบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อความผ่อนคลายสบายใจชั่วคราว
“ภาวะที่สมองของวัยรุ่นยังเติบโตไม่เต็มที่จึงทำให้การตัดสินใจ การยับยั้งชั่งใจต่างๆ อาจจะยังไม่ดี ฉะนั้นการเปิดใจรับฟังทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เขาสูบว่ามันตอบสนองความต้องการอะไรในชีวิตของเขา เขามีความคิดความเข้าใจอย่างไรเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า มันมีข้อดีข้อเสียอย่างไร โดยการพูดคุยให้เป็นบรรยากาศที่พ่อแม่รับฟังด้วยความอยากรู้ อยากทำความเข้าใจ ไม่ใช่เป็นบรรยากาศแบบตั้งใจจะมาสั่งสอน จับผิด ตำหนิ ซึ่งพ่อแม่สามารถส่งสัญญาณให้ลูกรับรู้ว่าพ่อแม่รู้สึกเป็นห่วง แทนเห็นลูกสูบบุหรี่ไฟฟ้าแล้วโวยวาย” ผศ.พญ.จิราภรณ์ กล่าว
ผศ.พญ.จิราภรณ์ ยังเรียกร้องให้วางกติกาเพื่อสร้างบรรทัดฐานใหม่ ทำให้การสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้าเป็นสิ่งที่ไม่ปกติในสังคม เช่น โรงพยาบาลหรือโรงเรียนแพทย์หลายแห่งในต่างประเทศ ประกาศนโยบายไม่รับคนสูบบุหรี่เข้าทำงาน โดยหากสูบต้องเลิกภายในระยะเวลาที่กำหนดโดยจัดบริการเลิกสูบบุหรี่รองรับ หรืออย่างกรณีบริษัทประกันบางแห่งเริ่มมีกฎไม่รับทำประกันสุขภาพให้กับคนสูบบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า
ในช่วงท้ายของงาน ศ.นพ.ประกิต วาทีสาธกกิจ ประธานมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวถึงงานวิจัยว่าด้วยผลกระทบของบุหรี่ไฟฟ้าต่อระบบทางเดินหายใจ ชี้ว่า 193 รายงาน ความรู้จนถึงปัจจุบัน (2562) ไม่สามารถจะบอกได้ว่า ผลกระทบต่อสุขภาพทางเดินหายใจของบุหรี่ไฟฟ้ามีน้อยกว่าบุหรี่มวน ขณะที่สมาพันธ์โรคหัวใจโลก ชี้ว่า การใช้บุหรี่ไฟฟ้าสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาที่พบในคนที่เกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
และมีอีกงานวิจัยอีกชิ้น ที่ระบุว่า บุหรี่ไฟฟ้ากำลังปรากฏผลที่น่าเป็นห่วงต่อสุขภาพ แม้ผลกระทบระยะยาวยังไม่รู้ แต่ความรู้ปัจจุบันที่มีการตีพิมพ์ หลักฐานที่ยืนยันว่า บุหรี่ไฟฟ้าปลอดภัยกว่าบุหรี่มวนยังไม่มีอยู่จริง ฉะนั้น คนขายบุหรี่ไฟฟ้า หรือสมาชิกสภาพผู้แทนราษฎรที่ออกมายืนยัน บุหรี่ไฟฟ้าไม่อันตราย ปลอดภัยนั้น การออกมาแสดงความเห็นแบบนี้ เป็นเรื่องที่ส่งผลเสียมากๆ ต่อการป้องกันโรคที่เกิดจากบุหรี่ไฟฟ้า
“เราต้องช่วยกันให้ความรู้กว้าง และมากที่สุดเท่าที่ทำได้ เราต้องติดอาวุธให้เยาวชน ให้รู้ให้มากที่สุด ผมไม่ห่วงคนสูบบุหรี่อยู่แล้วมาสูบบุหรี่ไฟฟ้า ผมห่วงเยาวชนที่ไม่ได้สูบบุหรี่เข้ามา
สูบบุหรี่ไฟฟ้า ผมห่วงมาก วัยรุ่นหญิงสูบบุหรี่ไฟฟ้าถึง 30%” ศ.นพ.ประกิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี