เตือน9จว.ใต้ฝนถล่ม
ยะลาอ่วม!ถนนหลายสายท่วมสูง
กรมชลฯเตรียมรับมือตลอด24ชม.
ปภ.ชี้น้ำยังท่วม9จังหวัด33อำเภอ
กรมอุตุฯ เตือน 9 จังหวัดภาคใต้ฝนตกหนัก ระวังท่วมฉับพลัน น้ำป่าหลาก มวลอากาศเย็นอ่อนกำลังทั่วไทยร้อนสูงขึ้น 1-2 องศา
กรมชลฯเผยใต้ฝนตกเพิ่มเตรียมรับมือตลอด24ชั่วโมง ปภ.สรุปยังมีน้ำท่วม 9จังหวัด ขณะที่เมืองยะลา อ่วม! หลังจากฝนตกต่อเนื่อง ทำน้ำท่วมถนนหลายสาย
เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ24ชั่วโมงข้างหน้าว่าบริเวณความกดอากาศสูง หรือ มวลอากาศเย็นที่ปกคลุมประเทศไทยตอนบนเริ่มมีกำลังอ่อนลง ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศเย็น กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาเซลเซียส ในภาคเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลางรวมทั้งกทม.และปริมณฑล และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้
สำหรับร่องมรสุมพาดผ่านทางตอนล่างของภาคใต้เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณด้านตะวันออกของประเทศมาเลเซียประกอบกับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทย ภาคใต้และทะเลอันดามัน ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสมซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้
ส่วนพยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทย ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาฯ บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด กับมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 5-14 องศาฯ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-3 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาฯ บริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาฯ
ภาคกลาง อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาฯ ภาคตะวันออก เมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาฯ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร กทม.และปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาฯ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาฯ
ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาฯ ตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 1 เมตร ตั้งแต่ จ.นครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
ภาคใต้(ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณ จ.กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาฯ อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาฯ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 1 เมตร
ด้าน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานว่ายังคงมีน้ำท่วมใน9 จังหวัด ได้แก่ จ.มหาสารคาม กาฬสินธุ์ ศรีสะเกษ อุบลราชธานี ชัยนาท อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม รวม 33 อำเภอ 221 ตำบล 1,396 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 99,772 ครัวเรือน ภาพรวมระดับน้ำลดลงอย่างต่อเนื่องทุกจังหวัดทั้งนี้ ปภ.ได้ประสานจังหวัดดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัย และเร่งระบายน้ำ เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ภัย สำหรับพื้นที่ซึ่งสถานการณ์คลี่คลายแล้ว ให้เร่งฟื้นฟูพื้นที่เพื่อให้ประชาชนกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ขณะที่นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า ขณะนี้เข้าสู่ฤดูฝนของพื้นที่ภาคใต้โดยเฉพาะในช่วงเดือนพฤศจิกายน–ธันวาคม เป็นช่วงที่มีฝนตกหนัก จึงติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์น้ำท่าอย่างใกล้ชิด พร้อมนำข้อมูลมาวางแผนบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูน้ำหลากให้สอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งเตรียมรับมือฤดูฝน ปี 2565 ตามที่กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กำหนดทั้ง 13 มาตรการอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันและบรรเทาปัญหาอุทกภัยที่จะเกิดกับประชาชนให้ได้มากที่สุด อาทิ
จ.สงขลา นำเครื่องจักรกลเข้าไปขุดลอกกำจัดวัชพืชและสิ่งกีดขวางทางน้ำ บริเวณห้วยพันตัน หมู่ 9 ต.รัตภูมิ อ.ควนเนียง และบริเวณถนนคูหาใน-บ้านสระ ต.คูหาใต้ อ.รัตภูมิ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการระบายน้ำ
ส่วนที่ จ.พัทลุง ติดตั้งเครื่องสูบน้ำเคลื่อนที่ 1 เครื่อง ในพื้นที่เสี่ยงบริเวณเรือนจำ จ.พัทลุง ต.คูหาสวรรค์ เตรียมพร้อมรับสถานการณ์น้ำขณะเดียวกัน ที่ จ.นราธิวาส ได้ดำเนินการกำจัดวัชพืชในท่อระบายน้ำกลางคลองระบายน้ำพรุบาเจาะสาย 3 ต.โคกเคียน อ.เมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลของน้ำในทางน้ำชลประทานให้ดียิ่งขึ้น
วันเดียวกัน ที่ จ.ยะลา ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมหลายจุด โดยเฉพาะเขตเทศบาลเมืองยะลา และหลายเส้นทางมีน้ำท่วมสูงรถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ซึ่งฝ่ายงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งเข้าแก้ไขปัญหาแล้ว
สำหรับสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องใน จ.ยะลานั้น ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ได้ออกประกาศเตือนฉบับที่4(36/2565) เรื่องคลื่นลมแรงและฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก โดยจะมีผลกระทบตั้งแต่วันที่11-13 พฤศจิกายน 2565 ทั้งนี้ สถานการณ์ฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องหลายชั่วโมง ได้ส่งผลให้หลายพื้นที่มีน้ำท่วมขัง ไม่ว่าจะบนถนนตั้งแต่หน้าโรงแรม 999 หมู่ 12 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เป็นระยะทางประมาณ 500 เมตร บนถนนหน้าสำนักงานเทศบาลสะเตงนอก ซอยข้างมัสยิด-ซอยการิมี-ซอยธงชัย-ซอยพระอินทร์ หมู่ 6 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา ทำให้ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6ต้องประสานให้สำนักงานเทศบาลสะเตงนอก นำเครื่องสูบน้ำจากสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด(ปภ.) ยะลา เข้าสูบน้ำออกจากพื้นที่
ส่วนบริเวณหน้าโรงเรียนบ้านจือนือแร ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา น้ำท่วมขังถนน โดยน้ำเริ่มท่วมขังตั้งแต่ช่วงเวลา 09.00น.วันเดียวกัน ทำให้รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ได้ช่วยกันระบายน้ำออก ซึ่งหากฝนหยุดตกแล้ว การสัญจรบริเวณดังกล่าวก็จะกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี