ได้ฤกษ์ลงเสาเอก ‘อาคารนวัตกรรมสมุนไพรไทยอภัยภูเบศร’ ตั้งเป้าวิจัยและพัฒนา รองรับความมั่นคงทางยา หลังโลกเปลี่ยนไว สมุนไพรคือทางรอดของมวลมนุษยชาติ
21 พฤศจิกายน 2565 มูลนิธิโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ทำพิธีลงเสาเอกอาคารนวัตกรรมสมุนไพรไทยอภัยภูเบศร เพื่อจัดตั้ง “ศูนย์วิจัยและพัฒนาสมุนไพรเปรม ชินวันทนานนท์” โดยใช้พื้นที่ของมูลนิธิบริเวณด้านหลังโรงพยาบาลฯ เป็นสถานที่ตั้ง
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร เลขาธิการมูลนิธิ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า มูลนิธิฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2545 แต่ การพัฒนาสมุนไพรได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2526 ตลอด 39 ปี ที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าของสมุนไพรให้มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล ตั้งแต่วัตถุดิบสมุนไพรที่ส่งเสริมการเกษตรอินทรีย์จากแปลงปลูกทั่วประเทศ การผลิตที่ได้รับรองมาตรฐานการผลิตชั้นสูงมาตรฐาน GMP PICs และการตลาดที่มีคุณธรรมส่งเสริมความเข้าใจในการใช้สมุนไพรอย่างถูกต้องแก่ผู้บริโภค มุ่งผลิตสินค้าที่มีความปลอดภัยและประสิทธิผลบนฐานองค์ความรู้ในด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โดย มุ่งเน้นให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาและพึ่งพาตนเองด้านสุขภาพ เป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับผู้ประกอบการ เกษตรกร และผู้สนใจต่อยอดด้านสมุนไพร รวมทั้งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี และนวัตกรรมมาโดยตลอดทั้งในด้านการผลิตและผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบันสมุนไพรมีการขยายตัวอย่างรวดเร็วและมีจำนวนมาก มีผลิตภัณฑ์สมุนไพรทั้งในประเทศและต่างประเทศเข้าสู่ตลาดมากขึ้น เราต้องพัฒนาตัวเองไม่หยุดนิ่งไม่เฉพาะการอยู่รอดของธุรกิจแต่เพื่อให้สมุนไพรไทยยืนหนึ่งในตลาดโลก
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว จึงถึงเวลาที่มูลนิธิรพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร จะจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาขึ้นมา โดยใช้ชื่อของ นพ.เปรม ชินวันทนานนท์ ประธานมูลนิธิฯ เนื่องจากท่านมีคุณูปการในฐานะผู้จุดประกายให้มีการพัฒนาสมุนไพรเป็นคนแรก โดย ศูนย์ฯ นี้จะทำหน้าที่ในการวิจัยและพัฒนางานด้านสมุนไพร เพื่อให้เกิดความยั่งยืนร่วมกันระหว่างเกษตรกรและเอกชน , วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ตอบสนองความต้องการของประชาชนในเรื่องสุขภาพอย่างครบวงจร , สร้างนวัตกรรมใหม่สู่ตลาด สร้างงาน สร้างโอกาสให้กับกลุ่มเกษตรที่ปลูกสมุนไพร , สร้างความเข้มแข็งทางเทคโนโลยีและเพิ่มขีดความสามารถของสมุนไพรไทยในการแข่งขันระดับนานาชาติ , ทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก เช่น มหาวิทยาลัย หน่วยงานวิจัยภาครัฐและเอกชน , ร่วมหลักสูตรผลิตนักศึกษามหาวิทยาลัยของภาครัฐ หรือเอกชน ตลอดจนเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาในการวิจัยและพัฒนาขององค์กร อาทิ ตำรายาโบราณ เครื่องมือวิจัยและพัฒนา เป็นต้น
“ศูนย์ฯ นี้ จะทำให้เกิดงานด้านสมุนไพรที่เป็นรูปธรรมอย่างแท้จริง และจะส่งผลกระทบเชิงสังคมและเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ และยังก่อให้เกิดความมั่นคงทางยาและสมุนไพร ในภาวะที่สถานการณ์โลกเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน ไวรัส เชื้อโรคปรับตัวตลอดเวลา จากวิกฤติโควิดที่ผ่านมา มีการหวนมาใช้สมุนไพรในการรักษากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าสมุนไพรไทยคือทางรอดของมวลมนุษยชาติ” ดร.สุภากรณ์ กล่าว
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี