“บอร์ด กพฐ.” เห็นชอบให้ออกประกาศกระทรวงฯ แยกวิชาประวัติศาสตร์ ด้าน สพฐ.เตรียมเสนอให้ “ตรีนุช” ลงนามประกาศสัปดาห์นี้
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานครั้งที่ 11/2565 ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 ตามนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอให้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งขั้นตอนต่อไป ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ก็จะจัดทำประกาศออกมา เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาลงนามต่อไป
“ส่วนรายละเอียดการปรับปรุงเนื้อหาต่าง ๆการแยกวิชาประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ไม่ได้เพิ่มชั่วโมงเรียน ไม่ได้เพิ่มภาระผู้เรียนและครู เพียงแต่จะจัดการเรียนประวัติศาสตร์ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คณะกรรมการ กพฐ. หารือร่วมกันเห็นว่าการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ควรปรับให้มีการเชื่อมโยงจากอดีตสู่ปัจจุบันและแนาคต การพัฒนาเชิงสังคม หน้าที่พลเมือง และสาระวิชาการเรียนรู้อื่น ๆ ซึ่งต่อไป สพฐ.จะไปจัดรายละเอียดการปรับปรุงหลักสูตรเนื้อหาให้มีความเหมาะสม ครอบคลุม ทันสมัย และเชื่อมโยงกับหน้าที่และสาระวิชาอื่น ๆในหลักการ เพื่อให้โรงเรียนต่าง ๆนำไปปฏิบัติใช่ต่อไป”
ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแยกวิชาประวัติศาสตร์ออกมา เพราะวันนี้ทุกคนต่างพูดกันว่าอยากให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ ต้องการสร้าง Soft Power ที่มาจากวัฒนธรรมประเพณีดี ๆของประเทศ ซึ่งการที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ได้ เราต้องเรียนรู้จากอดีตว่าเรามีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ดีงามอะไรบ้างที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และถ้าจะนำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันเราควรจะต่อยอดอย่างไร และเชื่อมอย่างไร เพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจที่สามารถนำวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี สินค้าอาหารดีๆ หรือทรัพยากรเครื่องมือเครื่องใช้ดีๆในอดีตมาปรับปรุงใช้ในปัจจุบันได้ จึงต้องแยกวิชาประวัติศาสตร์ออกมาเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ทุกคนสามารถตระหนักได้ว่าประวัติศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ได้กับทุกศาสตร์
นายอัมพร กล่าวต่อว่า การแยกวิชาประวัติศาสตร์ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วย เราต้องสร้างความเข้าใจ และรับฟังความเห็นมาปรับใช้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ควรนำวิชาประวัติศาสตร์แยกออกมา เพื่อนำไปเชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆ เพราะการสอนวิชาประวัติศาสตร์แบบเดิมๆนั้นใช้ไม่ได้แล้ว ต้องมาเรียนแบบใหม่ ครูต้องปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอนใหม่ และการประเมินผลให้สอดรับกับสิ่งที่เราต้องการ คือ อยากเห็นเด็กทุกคนในชาติมีความภาคภูมิใจ ในความเป็นชาติไทย รักหวงแหนบ้านเกิด แผ่นดิน บ้านเกิดเมืองนอนของตน เรียนรู้อดีตและวัฒนธรรมที่ดีงาม เพื่อมาต่อยอดในอนาคต
“สพฐ.จะเสนอ (ร่าง) ประกาศ ศธ. เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.ลงนามได้ภายในสัปดาห์นี้ ระหว่างนี้ สพฐ.ก็จะเตรียมการปรับหลักสูตร ตัวชี้วัด ให้ทันใช้ในปีการศึกษา 2566 ระหว่างนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สถานศึกษา ครู นักเรียน และผู้ปกครองด้วย” นายอัมพร กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี