บอร์ด กพฐ.ไฟเขียวแยก ‘ประวัติศาสตร์’ เป็นวิชาพื้นฐาน เล็งเสนอ ‘ตรีนุช’ ออกประกาศสัปดาห์นี้

บอร์ด กพฐ.ไฟเขียวแยก ‘ประวัติศาสตร์’ เป็นวิชาพื้นฐาน เล็งเสนอ ‘ตรีนุช’ ออกประกาศสัปดาห์นี้

วันจันทร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565, 17.46 น.

“บอร์ด กพฐ.” เห็นชอบให้ออกประกาศกระทรวงฯ แยกวิชาประวัติศาสตร์  ด้าน สพฐ.เตรียมเสนอให้ “ตรีนุช” ลงนามประกาศสัปดาห์นี้ 

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ศ.ดร.บัณฑิต เอื้ออาภรณ์ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานครั้งที่ 11/2565  ว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ แนวทางขับเคลื่อนการจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง ปีงบประมาณ 2566 ตามนโยบายของ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ และสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เสนอให้จัดทำ (ร่าง) ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เรื่องการบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน   ซึ่งขั้นตอนต่อไป ทางสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ก็จะจัดทำประกาศออกมา เพื่อเสนอให้รัฐมนตรีว่าการ ศธ. พิจารณาลงนามต่อไป


“ส่วนรายละเอียดการปรับปรุงเนื้อหาต่าง ๆการแยกวิชาประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ไม่ได้เพิ่มชั่วโมงเรียน ไม่ได้เพิ่มภาระผู้เรียนและครู เพียงแต่จะจัดการเรียนประวัติศาสตร์ให้มีเป้าหมายที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คณะกรรมการ กพฐ. หารือร่วมกันเห็นว่าการเรียนวิชาประวัติศาสตร์ควรปรับให้มีการเชื่อมโยงจากอดีตสู่ปัจจุบันและแนาคต การพัฒนาเชิงสังคม หน้าที่พลเมือง และสาระวิชาการเรียนรู้อื่น ๆ ซึ่งต่อไป สพฐ.จะไปจัดรายละเอียดการปรับปรุงหลักสูตรเนื้อหาให้มีความเหมาะสม ครอบคลุม ทันสมัย และเชื่อมโยงกับหน้าที่และสาระวิชาอื่น ๆในหลักการ เพื่อให้โรงเรียนต่าง ๆนำไปปฏิบัติใช่ต่อไป” 

ด้านนายอัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแยกวิชาประวัติศาสตร์ออกมา เพราะวันนี้ทุกคนต่างพูดกันว่าอยากให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในความเป็นชาติ ต้องการสร้าง Soft Power ที่มาจากวัฒนธรรมประเพณีดี ๆของประเทศ ซึ่งการที่จะเกิดสิ่งเหล่านี้ได้ เราต้องเรียนรู้จากอดีตว่าเรามีวัฒนธรรม มีประวัติศาสตร์ดีงามอะไรบ้างที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ และถ้าจะนำมาปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันเราควรจะต่อยอดอย่างไร และเชื่อมอย่างไร เพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจที่สามารถนำวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียม ประเพณี สินค้าอาหารดีๆ หรือทรัพยากรเครื่องมือเครื่องใช้ดีๆในอดีตมาปรับปรุงใช้ในปัจจุบันได้ จึงต้องแยกวิชาประวัติศาสตร์ออกมาเป็นการเฉพาะ เพื่อให้ทุกคนสามารถตระหนักได้ว่าประวัติศาสตร์สามารถเชื่อมโยงการเรียนรู้ได้กับทุกศาสตร์ 

นายอัมพร กล่าวต่อว่า การแยกวิชาประวัติศาสตร์ มีทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย คนที่ไม่เห็นด้วย เราต้องสร้างความเข้าใจ และรับฟังความเห็นมาปรับใช้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการประชุมวันนี้ ที่ประชุมเห็นร่วมกันว่า ควรนำวิชาประวัติศาสตร์แยกออกมา เพื่อนำไปเชื่อมโยงกับวิชาอื่นๆ เพราะการสอนวิชาประวัติศาสตร์แบบเดิมๆนั้นใช้ไม่ได้แล้ว ต้องมาเรียนแบบใหม่ ครูต้องปรับวิธีเรียน เปลี่ยนวิธีสอนใหม่ และการประเมินผลให้สอดรับกับสิ่งที่เราต้องการ คือ อยากเห็นเด็กทุกคนในชาติมีความภาคภูมิใจ ในความเป็นชาติไทย  รักหวงแหนบ้านเกิด แผ่นดิน บ้านเกิดเมืองนอนของตน เรียนรู้อดีตและวัฒนธรรมที่ดีงาม เพื่อมาต่อยอดในอนาคต

“สพฐ.จะเสนอ (ร่าง) ประกาศ ศธ.  เรื่อง การบริหารจัดการโครงสร้างหลักสูตรสถานศึกษา 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ และ 1 รายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ของสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ให้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศธ.​ลงนามได้ภายในสัปดาห์นี้  ระหว่างนี้ สพฐ.ก็จะเตรียมการปรับหลักสูตร ตัวชี้วัด ให้ทันใช้ในปีการศึกษา 2566 ระหว่างนี้ก็ต้องทำความเข้าใจกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) สถานศึกษา ครู นักเรียน และผู้ปกครองด้วย” นายอัมพร กล่าว    

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top