วันพุธ ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
DSIค้น41จุดลับลอบใช้ไฟฟ้า  รัฐสูญรายได้เงินปีละ500ล้าน

DSIค้น41จุดลับลอบใช้ไฟฟ้า รัฐสูญรายได้เงินปีละ500ล้าน

วันพฤหัสบดี ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2565, 06.00 น.
Tag : DSI ลอบใช้กระแสไฟฟ้า
  •  

DSIค้น41จุดลับลอบใช้ไฟฟ้า

รัฐสูญรายได้เงินปีละ500ล้าน

ดีเอสไอเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาดปูพรมค้น 41 จุด ลักลอบใช้กระแสไฟฟ้า-ใช้เครื่องขุดเงินดิจิทัล เลี่ยงภาษีในเหมืองขุดบิตคอยท์ ทำรัฐสูญรายได้กว่า 500 ล้านบาทต่อปี ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า 2,000 ตัว

เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 เวลา 07.00น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ และพ.ต.ต. วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษและโฆษกดีเอสไอได้ปล่อยแถวเจ้าหน้าที่เพื่อเปิดยุทธการปราบโกงสายฟ้าฟาด หรือ ปฏิบัติการ “Electrical Shock”โดยมี พ.ต.ท.เฉลิมชนม์ อุณหเสรี รองผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ รักษาการ ผู้อำนวยการกองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ และนายชวภณ สินพูนภักดิ์ ผู้อำนวยการส่วนคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศ2สนธิกำลังร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กรมศุลกากร การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เปิดปฏิบัติการดังกล่าวเข้าตรวจค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัยลักกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้เป็นจุดทำเหมืองขุดเงินดิจิทัล 41 จุดในพื้นที่จังหวัดนนทบุรีและกรุงเทพ ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ปีละกว่า 500 ล้านบาท


สืบเนื่องจากดีเอสไอได้รับคำร้องเรียนการกระทำความผิดทางเทคโนโลยีมีการลักลอบตั้งเหมืองขุดเงินดิจิทัลโดยเฉพาะบิทคอยน์โดยผิดกฎหมาย มีการนำเครื่องมือที่ใช้ในการขุดบิทคอยน์มาจากต่างประเทศ และลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าทำให้ประเทศได้รับความเสียหายอธิบดีดีเอสไอจึงมอบหมายให้กองคดีเทคโนโลยีฯเป็นหน่วยงานรับผิดชอบสืบสวนโดยมีการประสานงานการไฟฟ้านครหลวงและการไฟฟ้าส่วนภูมิภาครวมทั้งกรมศุลกากร จนพบจุดต้องสงสัยจำนวนมากกระจายตัวในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล ซึ่งการทำเหมืองขุดบิทคอยน์จะใช้กระแสไฟฟ้าปริมาณมากขนาดเทียบเท่ากับโรงงาน อุตสาหกรรม แต่มีการลักลอบต่อไฟตรงโดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ อันเป็นการลักกระแสไฟฟ้า ซึ่งเป็นความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญาและอาจมีความผิดอาญาอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายฐานความผิด

ทั้งนี้ กองคดีเทคโนโลยีและสารสนเทศได้ดำเนินการสืบสวนจนพบกลุ่มนายทุนที่มีพฤติการณ์จัดหาอาคารพาณิชย์ ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลกว่า41แห่ง เช่าไว้เพื่อใช้เป็นจุดวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล โดยแต่ละอาคารจะวางเครื่องขุดเงินดิจิทัล จุดละประมาณ100 เครื่อง มีการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร โดยไม่ผ่านมิเตอร์วัดไฟ ทำให้ เสียค่าไฟฟ้าต่ำกว่าความเป็นจริงอย่างมาก จากที่ต้องเสียค่าไฟฟ้าประมาณเดือนละ 500,000 บาทต่อแห่ง แต่มีการจ่ายค่าไฟจริงเพียงแห่งละประมาณ 300 - 2,000 บาทเท่านั้น ทำให้การไฟฟ้านครหลวงเสียหายกว่า 20 ล้านบาท ต่อเดือน หรือปีละเกือบ 300 ล้านบาท

โดยดีเอสไอ ได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาลอาญาเพื่อเข้าค้นอาคารพาณิชย์ต้องสงสัย จำนวน 41 แห่ง เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานการลักไฟฟ้า เพื่อกล่าวโทษดำเนินคดีอาญา และร่วมกับสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ยึดเครื่องขุดเงินดิจิทัลกว่า2,000 ตัว มูลค่ารวมกว่า 400ล้านบาท ไว้เพื่อตรวจสอบ รวมทั้งตรวจสอบกับกรมศุลกากรว่ามีการนำเข้าราชอาณาจักรไทย โดยผ่านพิธีการทางศุลกากรโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากเข้าข่ายการกระทำความผิดที่เป็นคดีพิเศษก็จะได้รับคดีดังกล่าวไว้ทำการสอบสวนต่อไป

จากการสืบสวนขยายผล ยังพบว่าปัจจุบันมีการลักลอบใช้กระแสไฟฟ้าเพื่อทำเหมืองขุดเงินดิจิทัลจำนวนมากในหลายพื้นที่ทั่วประเทศโดยการนำเข้าเครื่องขุดเงินดิจิทัลมาจากต่างประเทศโดยเฉพาะจากสาธารณรัฐประชาชนจีนมาติดตั้งในอาคารพาณิชย์ที่มีค่าเช่าในราคาไม่สูงนัก จากนั้นจะทำการลักลอบต่อไฟตรงเข้าตัวอาคาร เพื่อเป็นการลดต้นทุนค่าไฟฟ้าในการขุดเงินสกุลดิจิทัล แล้วปล่อยให้เครื่องขุด เปิดทำงานตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีผู้พักอาศัยในอาคารดังกล่าวแต่อย่างใด การกระทำดังกล่าวนอกจากจะผิดกฎหมายแล้วยังทำให้เกิดความเสี่ยงการเกิดอัคคีภัย เนื่องจากเหมืองขุดเงินสกุลดิจิทัลมีการใช้ไฟฟ้าสูงเทียบเท่ากับการใช้ไฟฟ้าในโรงงาน จึงทำให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งเป็นการใช้อาคารพาณิชย์ผิดประเภท โดย ดีเอสไอจะดำเนินการขยายผลต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • DSIลุยพื้นที่จันทบุรี  ค้นบ้านอดีตภรรยา  ผู้ต้องหาคดีแชร์ฉาว  ยึดอายัดทรัพย์20ล้าน DSIลุยพื้นที่จันทบุรี ค้นบ้านอดีตภรรยา ผู้ต้องหาคดีแชร์ฉาว ยึดอายัดทรัพย์20ล้าน
  • \'DSI\'บุกอายัดทรัพย์อดีตภรรยา\'อภิรักษ์ โกฎธิ\'อีก 20 ล้านคดี Forex 3-D 'DSI'บุกอายัดทรัพย์อดีตภรรยา'อภิรักษ์ โกฎธิ'อีก 20 ล้านคดี Forex 3-D
  • \'นอท\'โต้ข้อกล่าวหาขายเกินราคา ลูกค้ายินยอมจ่ายเอง\'ผมไม่ได้ทำผิด!\' 'นอท'โต้ข้อกล่าวหาขายเกินราคา ลูกค้ายินยอมจ่ายเอง'ผมไม่ได้ทำผิด!'
  • DSIเผยถูกรางวัลกับกองสลากพลัส มารับใบจริงไปขึ้นรางวัลเอง DSIเผยถูกรางวัลกับกองสลากพลัส มารับใบจริงไปขึ้นรางวัลเอง
  • อธิบดี DSI ยัน เจ้าภาพเข้าค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู คือ ตำรวจ 191 อธิบดี DSI ยัน เจ้าภาพเข้าค้นบ้านพักอดีตกงสุลใหญ่นาอูรู คือ ตำรวจ 191
  • \'รองอธิบดีDSI\'แจงปม จนท.เข้าค้นบ้านพัก\'กงสุลใหญ่นาอูรู\' ถูกศาลออกหมายจับ 'รองอธิบดีDSI'แจงปม จนท.เข้าค้นบ้านพัก'กงสุลใหญ่นาอูรู' ถูกศาลออกหมายจับ
  •  

Breaking News

‘บิ๊กป้อม’ไม่ตอบ! ปม‘บิ๊กตู่’เหน็บในครม. บางพรรคเสนอเงิน 8 แสนล้าน

เครือข่ายนักศึกษาเก่า‘มธบ.’จัดระดมแนวคิด เพื่อสังคม

‘ปศุสัตว์’ลุยตรวจค้นห้องเย็น‘ปากน้ำโพ’ ซุก‘เนื้อควาย’ลอบนำเข้ากว่า 16 ตัน

อุกอาจ!! ตร.สายตรวจปากช่อง ถูกยิงสวนเข้าหน้า 7 นัดดับ

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved