ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ให้ปราบปรามกลุ่มองค์กรอาชญากรรมที่กระทำความผิดในโลกออนไลน์ทุกรูปแบบที่สร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนผู้สุจริตจำนวนมากตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยต่อมาชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น.ได้รับแจ้งเรื่องความเดือนร้อนของประชาชนทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว “แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์” กับพวก ซึ่งมีอาชีพขายของแบรนด์แนมผ่านกลุ่มโอเพ่นแชท และได้หลอกกลุ่มผู้ซื้อได้สร้างความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก มูลค่าความเสียหายร่วมหลายล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบทราบว่า เป็นคนพื้นเพและพักอาศัยอยู่บริเวณ อ.เมือง จ.นนทบุรี ได้มีการเริ่มฉ้อโกงทางออนไลน์ผ่านกลุ่มโอเพ่นแชท เดอะ แซนดี้ แบรนด์ 2
ต่อมาวันที่ 3 ธ.ค.65 เวลาประมาณ 06.00 น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. /หัวหน้าชุด PCT ที่ 5 พ.ต.อ.สราวุธ คนใหญ่, พ.ต.อ.นิวัตน์ พึ่งอุทัยศรี พ.ต.อ.กมล นุ่มหอม พ.ต.อ.ธนากร อ่อนทองคำ พ.ต.ท.รัฐนันท์ สมวงศ์ พ.ต.ท.ชานนท์ บรรพกาล พ.ต.ต.ธนากร จอมเกาะ ร.ต.อ.ธีรเดช พรมลาย ร.ต.อ.สตางค์ พิศุทธ์พัลลภ ร.ต.ท.นันทัพพ์ แก่นจันทร์ และ ร.ต.ท.หญิง มุกนภา เอมรื่น และเจ้าหน้าที่ กก.สส.4 บก.สส.บช.น.ได้จับกุมตัว น.ส.อรอุมา หรือ “แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์” อายุ 29 ปี และ นายภิญญาพัชร์ อายุ 30 ปี โดยกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน ตามหมายจับของ แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์ จำนวน 3 หมาย
ประกอบด้วย 1.หมายจับศาลอาญาตลิ่งชัน ที่ จ.552/2565 ลงวันที่ 3 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ท้องที่ สน.ธรรมศาลา 2.หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ จ.545/2565 ลงวันที่ 17 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน” ท้องที่ สภ.เมืองยะลา 3.หมายจับศาลแขงธนบุรี ที่ 360/2565 ลงวันที่ 28 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง” ท้องที่ สน.บุปผาราม ส่วนของ นายภิญญาพัชร์ จำนวน 1 หมาย คือ หมายจับศาลจังหวัดยะลา ที่ จ.545/2565 ลงวันที่ 17 พ.ย.65 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน ” ท้องที่ สภ.เมืองยะลา โดยจับผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย ได้ที่บริเวณคอนโด ภายใน ซ.นนทบุรี 15 ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จังหวัดนทบุรี
ผู้เสียหายขอความช่วยเหลือทางเพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ให้ช่วยสืบสวนติดตามจับกุมตัว น.ส.อรอุมา หรือ “แซนดี้ กระเป๋าหลุยส์” เปิดกลุ่มไลน์โอเพ่นแชทว่า “เดอะแซนดี้แบรนด์” แอบอ้างขายกระเป๋าแบรนด์เนมนำเข้าจากต่างประเทศราคาถูก โดย แซนดี้ จะสรรหาวิธีการต่างๆ เพื่อให้ตนเองมีความน่าเชื่อถือ ทั้งการโพสต์รูปภาพ การรีวิวกระเป๋า จนกระทั่งมีผู้หลงเชื่อจำนวนมาก และตรวจสอบประวัติการกระทำผิดของผู้ต้องหาทั้ง 2 คน ปรากฎว่า น.ส.อรอุมา เคยก่อคดีมากว่า 26 คดี ทั้ง พ.ร.บ.เช็ค , ฉ้อโกง และ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ ส่วนนายภิญญาพัชร์ สาวประเภทสอง เพื่อนร่วมห้องของ น.ส.อรอุมา เคยก่อคดีฉ้อโกงและ พ.ร.บ.คอมพ์ฯ 1 คดี
ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธทุกข้อหาทุกหมายจับ โดยให้การในชั้นจับกุมว่า ขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาเป็นเวลานาน 9 ปี แต่มามีปัญหาในช่วงโควิด การนำเข้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศมีความล่าช้า เป็นเหตุให้ผู้สั่งซื้อไม่พอใจ ต้องการเงินคืน แต่ตนขอหักค่ามัดจำ ซึ่งผู้สั่งซื้อไม่ยินยอม จึงถูกผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดี” จึงนำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สน.บุปผาราม เพื่อส่งศาลต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น.กล่าวว่า “จากคำให้การในชั้นจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ปักใจเชื่อ เนื่องจากพบพยานข้อมูลผู้เสียหายและข้อมูลจากการสืบสวนนั้นขัดแย้งกัน คนร้ายรายนี้หลอกขายกระเป๋าแบรนด์โดยมีผู้เสียหายหลายราย มีความชำนาญในการสร้างความน่าเชื่อถือให้ตนเอง ทั้งการโพสต์ภาพและรีวิวกระเป๋า อีกทั้งคดีส่วนใหญ่เกิดขึ้นในปี 64 - 65 ซึ่งเหตุการณ์โควิดผ่อนคลายแล้ว จึงขอให้พี่น้องประชาชนที่ถูกหลอกแจ้งผ่านเพจ บก.สส.บช.น.หรือท้องที่แจ้งความเพื่ออายัดตัวดำเนินคดี ส่วนท่านใดเมื่อถูกชักชวนให้ซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมผ่านกลุ่มดังกล่าว ให้ตรวจสอบเพื่อยืนยันก่อนทุกครั้ง และขอฝากว่าหากพบเบาะแสอื่น สามารถแจ้งเข้ามาที่เพจ “สืบสวนนครบาล IDMB” ได้ตลอด 24 ชม.แม้จะเป็นคดีที่มีความเสียหายไม่มากแต่หากเป็นคดีที่ประชาชนเดือดร้อน เราทำทันที
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี