“ศธจ.” ร้องศธ.เสนอปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ ขณะที่ “ตรีนุช” ชี้ พ.ร.บ.การศึกษาชาติฉบับใหม่ต้องมี “ศธจ.-ศธภ.” เป็นผู้แทนศธ.
วันที่ 7 ธันวาคม 2565 ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กลุ่มผู้แทนศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) นำโดย นายณัทชัย ใจเย็น ศธจ.นนทบุรี และคณะ ได้เข้าพบ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อขอให้ศธ.เสนอปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ .... ฉบับที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญฯ
โดย น.ส.ตรีนุช กล่าวว่า ร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯ ถือเป็นกฎหมายสำคัญ เหมือนเป็นธรรนูญของการศึกษา รัฐบาลใช้เวลากว่า 5 ปีในการยกร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ขึ้นมา ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ซึ่งได้รับหลักการในวาระที่ 1 แล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของ กมธ.วิสามัญฯ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาได้มีการประชุมร่วมกัน จนถึงจุดที่เห็นว่า ต้องมีการทบทวน โดย ศธ. ถือเป็นหน่วยปฏิบัติ ซึ่งมีหน่วยงานและบุคลากรที่เกี่ยวข้องจำนวนมาก ประกอบกับได้รับเสียงสะท้อน จากหลายหน่วยงาน รวมถึง ศธจ. และศึกษาธิการภาค (ศธภ.) ที่มีข้อกังวล บางมาตราที่อาจส่งผล กระทบให้บางหน่วยงานอาจจะถูกยุบเลิก ทำให้การบูรณาการทำงานในพื้นที่มีปัญหา
“ทาง ศธจ.ได้นำข้อกังวล ในมาตรา 3 ที่เกี่ยวข้องกับการยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ 19/2560 เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาในภูมิภาคของ ศธ. อาจส่งผลให้ต้องยกเลิก ศธจ. และศธภ. กระทบต่อการปฏิบัติงานของสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด สำนักงานศึกษาธิการภาคทั่วประเทศ ซึ่งในส่วนของ ศธ.เห็นว่ายังจำเป็นต้องมีหน่วยงานนี้อยู่ เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยงานที่จะบูรณาการในการทำงานร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดพัฒนาการจัดการศึกษาให้เป็นไปตามบริบทของพื้นที่ และหากต้องยุบ ศธจ.และศธภ. ไปก็จะกระทบทั้งกับบุคลากรที่ได้รับความเดือนร้อนหลายพันคน รวมถึงกระทบกับการทำงานพัฒนาการจัดการศึกษาในพื้นที่ด้วย โดยที่ผ่านมาได้มอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) รวบรวมความคิดเห็น เพื่อเสนอให้ กมธ.วิสามัญฯ พิจารณา ปรับแก้ให้เหมาะสมต่อไป“ น.ส.ตรีนุชกล่าว
น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้กลุ่มผู้แทนจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาและศึกษานิเทศก์ ก็ไม่เห็นด้วยในประเด็นที่ต่อไปจะไม่มีเงินวิทยฐานะให้แก่กลุ่มดังกล่าว ซึ่ง ศธ.เห็นว่าจำเป็นที่ต้องปรับปรุงร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ เพื่อให้ทุกคนได้คงสิทธิตามเดิม พร้อมกันนี้ยังมีอีกหลายมาตราที่จำเป็นต้องปรับปรุง เช่น การให้โรงเรียนมีสถานะเป็นนิติบุคคล ที่จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบครอบ
ด้านนายณัทชัย กล่าวว่า ส่วนตัวมั่นใจในตัว รัฐมนตรีว่าการศธ. แต่ยังกังวล เพราะการเมืองยังไม่มีความแน่นอน ดังนั้นหลังจากนี้ตัวแทน ศธจ.จะไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา คณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ผู้นำฝ่ายค้าน และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพิจารณายกร่างกฎหมายดังกล่าว เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ถึงการบริหารราชการเชิงพื้นที่จังหวัดเป็นฐานให้สามารถทำงานต่อไปได้
“ขณะนี้มีผู้ร่วมลงชื่อขอให้แก้ไขร่างกฎหมายดังกล่าวแล้วกว่า 4,437 คน ซึ่งมีทั้งข้าราชการ บุคากร ศธจ. ศธภ. ลูกจ้าง และบุคาลกรโรงเรียนเอกชน ฯลฯ ทั้งนี้ หากร่าง พ.ร.บ.การศึกษาฯฉบับนี้ประกาศใช้โดยที่ยังไม่ยกเลิก มาตรา 3(10) จะส่งผลให้ ศธจ.และศธภ.ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ราชการได้ตามกฎหมาย เพราะกฎหมายที่ให้อำนาจถูกยกเลิก จะกระทบต่อการทำงานในพื้นที่ กศจ. จะไม่สามารถอนุมัติเรื่องต่าง ๆที่เกี่ยวข้องได้ อาทิ การจัดการศึกษาในรูปแบบโฮมสคูล ที่ให้อำนาจ กศจ.ในการอนุมัติ จะหยุดชะงักทันที การจัดการศึกษาท้องถิ่น รวมถึงงานที่ได้ทำความร่วมมือกับหน่วยงานอื่น ๆก็จะต้องยุติทันที ขณะเดียวกัน ยังส่งผลให้ คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (อ.ก.ค.ศ.)เขตพื้นที่การศึกษาฯ ไม่สามารถทำหน้าที่ได้ เนื่องขาดองค์ประกอบหลัก คือผู้แทนจาก กศจ. ครูและบุคลากรทางการศึกษาจะได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนขั้นเงินเดือน การเลื่อนวิทยฐานะต่าง ๆก็ไม่สามารถทำได้ เพราะองค์ประชุมไม่ครบ” นายทัตชัย กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี