เกษตรฯ เดินหน้าโครงการ "ต้นกล้าสานฝันปันรัก...สู่ลูกหลาน" หนุนพันธุ์ไม้มีค่า ไม้ผล ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจและพืชผักพืชอาหารให้แก่เกษตรกร สำหรับทำการเกษตรตามระบบเกษตรกรรมยั่งยืน เพิ่มพื้นที่สีเขียว
นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสร้างการรับรู้การดำเนินงานโครงการ “ต้นกล้าสานฝันปันรัก...สู่ลูกหลาน” โดยมีนายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนกรมป่าไม้ ผู้แทนกรมพัฒนาธุรกิจ และผู้แทนธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ เข้าร่วม ณ ห้องประชุมกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนพันธุ์ไม้มีค่า ไม้ผล ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจและพืชผักพืชอาหารให้แก่เกษตรกร สำหรับทำการเกษตรตามระบบเกษตรกรรมยั่งยืนซึ่งพันธุ์ไม้ที่จะสนับสนุนให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ ศูนย์ปฏิบัติการและศูนย์ขยายพันธุ์พืชของกรมส่งเสริมการเกษตร ดำเนินการผลิตพันธุ์ไม้มีค่า ไม้ผล ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจ และพืชผักพืชอาหาร รวม 372,300 ต้น และได้รับการสนับสนุนจากกรมป่าไม้ เป็นต้นกล้าไม้มีค่า ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจ จำนวน 1,166,100 ต้น เช่น สัก พะยูง ประดู่ ชิงชัน ตะแบก เป็นต้น รวมพันธุ์ไม้ทั้งสิ้น 1,538,400 ต้น โดยมีการแบ่งกลุ่มตามความเหมาะสมของพื้นที่ออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
กลุ่มแรก คือ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนพื้นที่ทำเกษตรไม่เหมาะสม (Zoning) กลุ่มสอง คือ เกษตรกรศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ต้นแบบ
โดยเกษตรกรทั้ง 2 กลุ่มนี้ จะได้รับพันธุ์ไม้ รวมจำนวน 200 ต้นต่อราย แบ่งเป็น ไม้ผลและพืชผักอาหาร จำนวน 8 ชนิด (ไผ่ซางหม่น มะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ มะม่วง สะเดา อะโวคาโด กล้วย พริก มะเขือ) และต้นกล้าไม้มีค่า ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจกลุ่มสาม คือ สมาชิกศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และเข้าร่วมกิจกรรมการจัดกระบวนการเรียนรู้ให้กับเกษตรกรผู้นำ (อบรม/ดูงาน) ภายใต้โครงการศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 โดยเกษตรกรจะได้รับพันธุ์ไม้ รวมจำนวน 50 ต้นต่อราย แบ่งเป็น ไม้ผลและพืชผักอาหาร จำนวน 5 ชนิด (มะขามเปรี้ยวฝักใหญ่ มะม่วง กล้วย พริก มะเขือ) และต้นกล้าไม้มีค่า ไม้ยืนต้นเศรษฐกิจ เศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์มีความพร้อมสำหรับการแจกจ่ายได้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2565 เป็นต้นไป เพื่อสร้างการรับรู้การดำเนินงานโครงการให้เกษตรกรและผู้สนใจได้รับรู้ถึงความสำคัญของการปลูกไม้เพื่อใช้ประโยชน์ เป็นไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ เป็นหลักประกันได้ในอนาคต ตลอดจนเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศต่อไป โดยได้บูรณาการการทำงานร่วมกับกรมป่าไม้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานภาคีที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ เพื่อเพิ่มการรับรู้ของเกษตรกรให้มากขึ้น
"กระทรวงเกษตรฯ มีนโยบายสำคัญด้านการส่งเสริมการเกษตรในการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนบนสังคมเศรษฐกิจสีเขียว ส่งเสริมการปลูกป่าเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมจากป่าปลูกแบบครบวงจร และแผนแม่บทแห่งชาติภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติกำหนดพื้นที่ป่าไม้และพื้นที่สีเขียวไม่น้อยกว่าร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเกษตรกรและประชาชนปลูกไม้ยืนต้นมีค่า เพราะนอกจากจะเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวของประเทศแล้ว ยังสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเพื่อขอกู้เงิน ทำให้เข้าถึงสินเชื่อที่มีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน ส่งเสริมให้มีการให้หลักประกันทางธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์แก่การประกอบธุรกิจและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป" นายเฉลิมชัย กล่าว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี