หมายจับโจรปล้นทอง
ตำรวจเร่งติดตามไล่ล่า
รทสช.เล็งรื้อกฎหมาย
คุ้มครองเหยื่อป้องกันตัว
ศาลจังหวัดตากออกหมายจับ 2 โจรปล้นทอง ที่อยู่ระหว่างการหลบหนีขณะที่ตำรวจเร่งติดตามไล่ล่ามาดำเนินคดี ด้านหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติเผย เล็งรื้อกฎหมายอาญาให้คุ้มครองเหยื่อป้องกันตัวไม่ให้กลายเป็นคนผิด หลังเกิดข้อถกเถียงกรณีเจ้าของร้านทองยิงโจรปล้นทองเสียชีวิต 1 ราย ทำเกินกว่าเหตุหรือไม่
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม จากกรณีคนร้าย 4 คนบุกปล้นร้านทอง ที่ตั้งอยู่ริมถนนท่าเรือ ฝั่งตรงข้ามโรงเรียนตากพิทยาคม พื้นที่เขตเทศบาลเมืองตาก จังหวัดตากแต่เจ้าของร้านใช้อาวุธปืนลูกซองยิงต่อสู้ จนคนร้ายได้รับบาดเจ็บ 1 ราย คือ นายวิชัย แซ่ว่าง อายุ 31 ปี ส่วนอีก 1 รายถูกจับกุม คือนายเต๋อ แซ่ท้าว โดยทั้งสองมีหมายจับจากศาลจังหวัดแม่สอด เนื่องจากเคยก่อเหตุบุกปล้นร้านทอง อ.พบพระ เมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2565 ได้ทองรูปพรรณไปถึง 182 บาท ส่วนอีก 2 รายอยู่ระหว่างหลบหนี ตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้น
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดตาก ได้ออกหมายจับสองผู้ต้องหาคือนายกู้ และนายต้ายี่ ในข้อหาพยายามปล้นทรัพย์โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัทย์หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยมีอาวุธปืนและใช้อาวุธปืนโดยใช้ยานพาหนะเพื่อกระทำผิดหรือเพื่อพาทรัพย์นั้นไป,ร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น,ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,ร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตให้มีอาวุธเป็นติดตัว โดยในขณะนี้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนอยู่ระหว่างการติดตามไล่ล่าอย่างกระชั้นชิด
ทางด้าน นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ได้แสดงความคิดเห็นหลังจากมีข้อถกเถียงในแง่กฎหมายกรณีดังกล่าว ที่เจ้าของร้านทองใช้ปืนยิงสวนกลับทำให้คนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ซึ่งมีการตั้งคำถามว่าเจ้าของร้านทองกระทำเกินกว่าเหตุหรือไม่ว่า กรณีดังกล่าวถือเป็นตัวอย่างของกฎหมายที่เห็นได้ชัดว่ายังมีความบกพร่องอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องของกฎหมายอาญาที่ใช้กันมาเป็นเวลานาน เนื่องจากการออกกฎหมายตั้งแต่ต้นนั้น เป็นการกำหนดอยู่บนพื้นฐานของความเป็นกลาง โดยไม่ได้ระบุว่าใครผิดใครถูก ดังนั้นจึงเป็นการวางกฎเกณฑ์กติกาทั่วๆ ไป กรณีแบบนี้ในกฎหมายอาญากำหนดไว้เป็นเรื่องการป้องกันตัว คือ อยู่บนพื้นฐานที่เกินกว่าเหตุไม่ได้ การป้องกันตัวต้องพอสมควรแก่เหตุ ประการที่สอง ต้องเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงตัว ซึ่งเป็นการวางหลักตามกรณีทั่วไป
นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันนี้สังคมเปลี่ยนไป หลายครั้งที่เราเป็นฝ่ายถูกกระทำ เราก็จะป้องกันตัว ในเวลาที่คนป้องกันตัวนั้น เราก็ไม่ได้คิดถึงเรื่องกฎหมาย โดยคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรให้ตัวเองรอดจากสถานการณ์ แต่พอเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายแล้ว กลายเป็นป้องกันตัวเกินกว่าเหตุ อันตรายยังมาไม่ถึงตัวบ้าง และสิ่งที่ใช้ป้องกันเกินกว่าฝั่งตรงข้ามบ้าง ในทางกฎหมายที่ผ่านมาจึงทำให้เป็นความผิด แต่มีโทษเบาลงเท่านั้น ซึ่งเห็นได้ชัดว่ากฎหมายยังมีช่องว่างและข้อที่ควรจะแก้ไขให้เข้ากับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ตอนนี้ถึงเวลาที่ควรจะมีกฎหมายมาให้ความเป็นธรรมกับการกระทำที่กระทำต่อการกระทำผิด ให้สามารถป้องกันได้ทุกรูปแบบ แต่อาจต้องมีรายละเอียดต่อไป โดยหลักการคือป้องกันได้ไม่ต้องมีความผิด
นายพีระพันธุ์ กล่าวอีกว่า กรณีนี้ถือเป็นอุทธาหรณ์ ที่ตรงกับแนวคิดของพรรครวมไทยสร้างชาติ ในการแก้ไขกฎหมายที่ยังมีข้อบกพร่องหลายฉบับ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในสังคม มีความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน
“กฎหมายบอกว่า การป้องกันจะต้องป้องกันจากภยันอันตรายที่ใกล้จะถึง และต้องเป็นการป้องกันที่สมควรแก่เหตุ ผมยกตัวอย่างเช่น เขาถือมีดเข้ามา เราเอาปืนยิงเลย ศาลอาจจะมองว่าเกินกว่าเหตุ แต่ในขณะนั้นถ้าเราไม่ยิงเราอาจถูกแทงตายได้ เป็นต้น ควรต้องคำนึงด้วยว่าวันนั้น นาทีนั้นสถานการณ์เป็นอย่างไร มีดกับปืน นี่คือหลักกฎหมายที่ใช้กันมามานาน สังคมสมัยโน้น กับสมัยนี้มันต่างกัน ความซับซ้อนของสังคมก็ต่างกัน แต่ที่ผ่านมาเรายังไม่มีการปรับปรุงแก้ไข ก็เลยทำให้คนดีๆ ที่เป็นเหยื่อ กลายเป็นผู้กระทำความผิด” นายพีระพันธุ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี