‘นายกสภาทนาย’นำทีมเปิด 6 มาตรการป้องกัน พร้อมดำเนินคดีบริษัท-เจ้าหน้าที่รัฐ ขนย้าย‘กากแคดเมียม’ไปพื้นที่หลายจังหวัด ขอ‘นายกฯเศรษฐา’สั่งการตรงตรวจร่างกายประชาชนในพื้นที่ละเอียด พร้อมส่งหนังสือถึงนิติวิทยาศาสตร์ช่วยประชาชน ส่งทีมทนายความลงพื้นที่ภายใน 3 วัน เผย‘รมว.ยุติธรรม’รับปากจะให้‘ดีเอสไอ’เข้าไปตรวจสอบดำเนินคดีอาญา
18 เมษายน 2567 ที่ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ.พหลโยธิน ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ , นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ , ว่าที่ ร.ต.สมชาย อามีน ประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ , นายขวัญชัย โชติพันธุ์ ประธานอนุกรรมการฝ่ายฝึกอบรมและวิชาการ , นางทัดดาว จตุรภากร กรรมการและเลขานุการ , นายไพโรจน์ จำลองราษฎร์ รองประธานอนุกรรมการฝ่ายคดีและปฏิบัติการ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม ร่วมกันแถลงข่าวกรณีการขนย้ายกากแร่แคดเมียมจากหลุมฝังกลบที่ จ.ตาก ไปยังพื้นที่ในเขต จ.สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร เพื่อแสดงจุดยืนการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ ปกป้อง และเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประชาชน
ดร.วิเชียร กล่าวว่า ตามที่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงและข้อสังเกตในการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนต่างๆเกี่ยวกับกรณีการลักลอบขนย้าย “กากเเคดเมียม” จากสถานที่ฝังกลบใน จ.ตาก ไปยังพื้นที่โรงงานใน ต.บางน้ำจืด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร , ใน ต.คลองกิ่ว อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี และพื้นที่โรงงานในซอยเรียงปรีชา กรุงเทพมหานคร ก่อให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายในประเด็นเกี่ยวกับการกำจัด การแจ้ง การอนุญาตขนย้ายกากแคดเมียม ซึ่งเป็นสารอันตรายจากพื้นที่ต้นทางไปยังพื้นที่ปลายทาง ข้อกังวลเกี่ยวกับปริมาณกากแคดเมียม และปริมาณที่ตรวจพบในพื้นที่ปลายทาง จนถึงขณะนี้ยังมีปริมาณกากแคดเมียมที่ยังไม่พบ หรือไม่ทราบที่ไปอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งข้อกังวลในมาตรการจัดการกากแคดเมียมที่ตรวจพบด้วยการขนย้ายกลับไปต้นทางที่ จ.ตาก และข้อกังวลสำคัญคือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน
สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นองค์กรเอกชนด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและสิ่งแวดล้อม ได้ออกหนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนให้สภาทนายความเป็นองค์กรเอกชน ด้านการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ตามความในมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2545 เลขทะเบียน 17/2545 สภาทนายความฯ โดยสำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จึงมีภาระบทบาทสำคัญในฐานะองค์การด้านกฎหมาย คือ การปกป้อง คุ้มครองประโยชน์สาธารณะและประชาชน
กรณีกากแร่แคดเมียมที่ปรากฏเป็นข่าวในขณะนี้ สภาทนายความฯ เป็นหน่วยงานที่มีความเกี่ยวข้องกับกรณีนี้มาตั้งแต่ปี 2552 เนื่องจากได้รับข้อร้องขอความช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อขอความเป็นธรรมให้แก่ชาวบ้านกว่า 1,000 คนในพื้นที่ ต.แม่กุ ต.แม่ตาว และ ต.พระธาตุผาแดง อ.แม่สอด จ.ตาก ที่ได้รับผลกระทบจากการทำเหมืองแร่สังกะสี โดยผู้ประกอบการที่ได้รับประทานบัตรบนดอยผาแดง ซึ่งการทำเหมืองแร่สังกะสีจะมีกากแร่แคดเมียมเป็นผลพลอยได้ และจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุอันตรายทั้งต่อสภาพแวดล้อมและสุขภาพอนามัยของประชาชน สารแคดเมียมดังกล่าวได้ปนเปื้อนในพืชผลการเกษตร โดยเฉพาะข้าว กระเทียม และถั่วเหลือง ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชาวบ้านที่ต้องเจ็บป่วยจากพิษของสารแคดเมียม โดยสภาทนายความได้ยื่นฟ้องคดีเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมให้ชาวบ้านที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ กรุงเทพมหานคร จำนวน 6 คดี ซึ่งคดีส่วนใหญ่ถึงที่สุดในชั้นอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดีสิ่งแวดล้อมมีคำพิพากษาให้ผู้ประกอบการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้ชาวบ้าน และมี 3 คดีที่ยื่นฎีกาต่อศาลฎีกาแผนกคดีสิ่งแวดล้อม เพื่อขอให้ศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม และจำนวนค่าเสียหาย และได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลปกครองพิษณุโลกเพื่อขอให้ประกาศเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม
ศาลปกครองมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2556 ให้ออกกฎกระทรวงกำหนดพื้นที่ลุ่มน้ำแม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก เป็นเขตพื้นที่คุ้มครองสิ่งแวดล้อม ภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันคดีถึงที่สุด
ส่วนกากแคดเมียม เป็นที่ทราบกันดีว่าผู้ประกอบการต้องมีมาตรการจัดการด้วยการฝังกลบตลอดไป ตามรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม
เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าได้มีการขุดหลุมฝังกลบกากแร่แคดเมียมในพื้นที่ จ.ตาก และมีการขนย้ายจากสถานที่ฝังกลบต้นทางไปยังสถานที่ปลายทางต่างๆดังที่ปรากฏเป็นข่าว รวมทั้งมาตรการจัดการกากแคดเมียมด้วยการขนส่งกากแคดเมียมที่ตรวจพบกลับคืนพื้นที่ต้นทาง ก่อให้เกิดข้อสงสัยและข้อวิตกกังวลดังที่กล่าวมาข้างต้น
ดังนั้นสภาทนายความฯขอแสดงจุดยืนเพื่อคุ้มครองสาธารณะ ปกป้องและพร้อมเรียกร้องความเป็นธรรมให้แก่ประชาชนผู้ได้รับหรืออาจได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวโดยกลไกทางกฎหมาย ทั้งนี้ สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการ และขอเรียกร้องต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
1.สภาทนายความฯ จะได้แต่งตั้งคณะทำงานให้ความช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย กรณีประชาชน และชุมชนได้รับผลกระทบจากการขุดและส่งต่อกากแร่แคดเมียมจากบ่อฝังกลบของโรงงานถลุงแร่สังกะสีใน จ.ตาก ไปยังสถานที่อื่น ๆ
2.สภาทนายความฯ จะได้ดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมกับเจ้าของ หรือผู้ครอบครองมลพิษหรือแหล่งกำเนิดมลพิษ เช่น เจ้าของหรือผู้ครอบครองกากแคดเมียม เจ้าของหรือผู้ครอบครองโรงงานถลุงแร่ เจ้าของหรือผู้ขนส่งกากแร่ เจ้าของหรือผู้รับกากของเสีย และบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด โดยต้องเยียวยาความเสียหายต่อสุขภาพ ร่างกายและจิตใจของประชาชนและชุมชนที่ได้รับผลกระทบ
3.สภาทนายความฯ จะดำเนินการเรียกร้องและดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานรัฐที่อนุญาตให้ขนย้ายกากของเสียอันตรายจากบ่อฝังกลบภายในโรงงานถลุงแร่สังกะสี โดยไม่มีอำนาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยต้องชดใช้เยียวยาผลกระทบที่เกิดขึ้นกับประชาชน
4.สภาทนายความฯ ขอเรียกร้องให้สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจเลือดและปัสสาวะประชาชน ชาว จ.ตาก และชุมชนที่อยู่รายรอบโรงงานถลุงแร่สังกะสี รวมถึงประชาชนใน ต.แม่กุ แม่ตาว พระธาตุผาแดง ที่ได้รับผลกระทบจากการรั่วไหลของแคดเมียมจากการทำเหมืองแร่สังกะสีของผู้ประกอบการ และพื้นที่ จ.สมุทรสาคร จ.ชลบุรี กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่พบว่ามีการเก็บหรือครอบครองกากแคดเมียม และประชาชนหรือชุมชนอื่นที่มีการเก็บหรือครอบครองกากแคดเมียม
5.สภาทนายความฯ ขอเรียกร้องให้ภาครัฐให้ผลักดันและผ่านการออกกฎหมายเกี่ยวกับการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR – Pollutant Release and Transfer Register) เพื่อเป็นมาตรการให้ผู้ประกอบการต้องเปิดเผยข้อมูลการปล่อยมลพิษที่เกิดจากการผลิตในโรงงาน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและตรวจสอบที่มาของมลพิษใกล้ตัวที่อาจส่งผลต่อสภาพแวดล้อมที่ตนอาศัยอยู่ โดยมีหลักเกณฑ์ในการตรวจวัดมลพิษที่ชัดเจนที่ต้องรายงานต่อหน่วยงานเกี่ยวข้อง มาบังคับใช้โดยเร็ว และขอให้ตรวจสอบบ่อดักตะกอนแคดเมียมในพื้นที่ทำเหมืองสังกะสี และบ่อฝังกลบกากตะกอนแคดเมียมในบ่อฝังกลบภายในโรงงานว่าได้ปฏิบัติตามขั้นตอนของรายงานประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) และเปิดเผยข้อมูลให้ประชาชนทราบ
6.สภาทนายความเห็นว่ากากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายที่ตรวจพบในโรงงานทั้งในพื้นที่ต่างๆ จ.สมุทรสาคร ชลบุรี และกรุงเทพมหานคร ต้องนำไปกำจัดหรือฝังกลบในโรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101 (โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม-Central Waste Treatment) (ฝังกลบกากของเสียอันตราย) เท่านั้น จะนำไปทำลายหรือฝังกลบที่อื่นไม่ได้ และเมื่อโรงงานถลุงแร่สังกะสีที่จังหวัดตากไม่ใช่โรงงานที่มีใบอนุญาตประเภท 101(โรงงานปรับคุณภาพของเสียรวม -Central Waste Treatment -ฝังกลบกากของเสียอันตราย) จึงไม่สามารถนำกากแคดเมียมที่เป็นกากของเสียอันตรายกลับมาฝังกลบในโรงงานได้ เว้นแต่จะได้ใบอนุญาต 101เสียก่อน แต่ใบอนุญาต 101ก็ต้องทำรายงานอีไอเอ และได้รับการอนุมัติอนุญาตเสียก่อน จึงไม่ใช่เรื่องง่าย
ดร.วิเชียร กล่าวว่า เรื่องนี้ตนได้หารือกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม จึงทราบว่าในส่วนคดีอาญาจะมอบหมายให้ดีเอสไอเป็นผู้ดำเนินการ ในส่วนที่เป็นคดีสิ่งแวดล้อมหรือคดีทางปกครองทางสภาทนายความจะรับดำเนินการ ในเรื่องการตรวจร่างกายชาวบ้านแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ โดยในวันนี้ตนจะมีหนังสือถึง สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ขอให้มีการส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจร่างกายชาวบ้านอย่างครอบคลุม ซึ่งตนหวังว่าจะมีการตรวจ ตามที่ร้องขอไปเนื่องจากเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ มีผลกระทบกับความเป็นอยู่ของประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง
ทั้งนี้ หากชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงและได้ทราบข่าวนี้ก็ขอให้เดินทางมาร้องยังสภาทนายความเพื่อจะได้ดูแลดำเนินการฟ้องร้องคดีเหมือนเช่นปี 2553 ที่ผ่านมาโดยไม่เกิน3วันสภาทนายความจะลงพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายของตนที่ทำงานเชิงรุกอย่างที่ได้เคยประกาศไว้
ด้าน ร.ต.สมชาย กล่าวว่า การที่จะเกิดหลุมฝังกลบขึ้นมาได้ต้องมีใบอนุญาตประเภท 101 แต่ต่อมามีการอนุญาตโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย มีการรื้อหลุมฝังกลบแคดเมียม ซึ่งความจริงต้องปิดตายตลอดส่งไปยังจังหวัดต่างๆที่ได้ระบุไว้ โดยมีเจตนาที่จะต้องการเอาไปหลอมเพื่อนำสารแคดเมียมมากกว่าที่จะนำกากไปฝังกลบในที่อื่น ฉะนั้นแล้วหากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะนำแร่ที่เป็นกากแคดเมียมที่ใช้แล้วนำไปฝังกลบในที่เดิมย่อมเป็นไปไม่ได้เนื่องจากผิดกฎหมาย และไม่มีกฎหมายรองรับ
ทางสภาทนายความจะตรวจสอบในเรื่องนี้ว่าหากมีการทำเช่นนั้นจะสามารถทำได้หรือไม่อย่างไร ซึ่งเคยมีการสอบถามไปแล้วแต่ทางหน่วยงานรัฐก็ไม่มีคำชี้แจงที่ชัดเจน เพราะถ้าปล่อยให้มีการนำกากแรกแคดเมียมไปฝังกลบที่เดิมต่อไปก็จะมีการเปิดหลุมฝังกลบได้ เพราะความจริงแล้วจะต้องมีการผ่านการประเมินศึกษาผลกระทบก่อน
ในส่วนเรื่องที่มีสารดังกล่าวทุกคนย้ายไปเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคือเจ้าหน้าที่ของกรมอุตสาหกรรม หรืออุตสาหกรรมจังหวัดตากที่จะต้องรับผิดชอบ ถึงจะอ้างว่าที่ขนย้ายเพราะมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ แต่ในความเป็นจริงแล้วคุณควรต้องมีการตรวจสอบพื้นที่ที่มีการทำแร่สังกะสีต้องมีการทำรายงานอีไอเอ แต่เมื่อมีบริษัททำการขออนุญาตผลกากของเสียออกจากพื้นที่เจ้าหน้าที่จะไม่รู้เลยหรืออย่างไรว่าอาจจะเป็นของเสียที่อันตราย ปัจจุบันก็ยังไม่มีผลสอบออกมาชัดเจน มีแต่การย้าย อุตสาหกรรมจังหวัดตากไปช่วยราชการ
ทางสภาทนายความจากติดตามเรื่องนี้ด้วยไม่ว่าจะเป็นเรื่องเอกชนครอบครองหรือเรื่องเจ้าหน้าที่ที่ให้ขนย้ายซึ่งเป็นการละเลยฯก็ถือเป็นการละเมิดทางปกครอง ซึ่งในการฟ้องเรียกค่าเสียหายเราก็จะดูตรงนี้ด้วย ในส่วนโทษอาญาคดีลักษณะเช่นนี้มีอัตราโทษสูง เราจะต้องให้หน่วยงานกลางคือสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ของขอวกระทรวงยุติธรรม ไปตรวจเลือดไปตรวจปัสสาวะชาวบ้าน มันก็จะได้ความจริงที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ต้นอยากให้นายกรัฐมนตรีเป็นผู้สั่งการในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน
นางทัดดาว กล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่มีการทราบ ก็คือมีการตรวจร่างกายเฉพาะคนงานที่อยู่ในสถานประกอบการในส่วนของประชาชนใช้การสุ่มตรวจ ซึ่งความจริงแล้วประชาชนในพื้นที่เสี่ยงควรจะตรวจสอบ100 เปอร์เซ็นต์ เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของประชาชนที่จะต้องมาสุ่มเสี่ยงกับการสัมผัสสารเหล่านี้ อย่างในประเทศญี่ปุ่นประชาชนที่ได้รับสารชนิดเดียวกันนี้ใช้เวลาถึง 10 ปี กว่าจะออกอาการจึงไม่ใช่เรื่องง่ายง่ายที่เราจะมาสุ่มตรวจและสรุปผลในเร็ววันนี้ และผู้ประกอบการที่ครอบครองสารอันตรายนี้จะต้องมีส่วนในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการตรวจร่างกาย คุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนในช่วง5-10ปีนี้เพราะไม่ใช่ความผิดประชาชน
นายไพโรจน์ กล่าวว่า เรื่องสารอันตรายสภาทนายความเคยลงพื้นที่ตั้งแต่ปี 2553 ที่มีการฟ้องร้องคดีกันสภาพในความลงพื้นที่พบประชาชนใน 3 ตำบล ซึ่งมีอาการเจ็บป่วยโดยไม่ทราบสาเหตุและไปรักษาที่โรงพยาบาล แพทย์ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นโรคอะไร มีแต่ข้อมูลว่ามีอาการปวดหลังเจ็บเอว ปวดไต สุดท้ายจึงมีการพบสารแคดเมียม ซึ่งเป็นสารตะกั่วหนัก เจือปนอยู่ในน้ำ เมื่อฝนตกก็มีการไหลเข้าสู่แปลงข้าว และมีการดูดซึมสารดังกล่าวเข้าไป และเมื่อมีการบริโภคต่อเนื่อง7วันก็เริ่มมีการเจ็บป่วย จนสุดท้ายซูบผอมไม่มีแรงไตวายบางรายก็เสียชีวิตเลย
นายสัญญา ภัชระ กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องให้ความสำคัญอย่างมาก กับสุขภาพของประชาชนเพราะเมื่อเกิดเหตุการณ์ที่มีสารพิษ ขนาดนี้ทางนายกรัฐมนตรีควรจะต้องสั่งการโดยตรงไปยังนิติวิทยาศาสตร์ ให้ตรวจร่างกายประชาชนโดยรอบทั้งหมด
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี