รองผู้ว่าฯ เร่งงาน “สวน 15 นาที” สำเร็จเกินเป้า รับหนักใจหาบเร่-แผงลอย ไม่ง่ายจี้เขตแก้จริงจัง
นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวถึงงานนโยบายผู้ว่าฯ “ชัชชาติ” ในความรับผิดชอบด้านสิ่งแวดล้อมและการจัดระเบียบเมืองว่า นโยบายเรื่องสวน 15 นาที รวมถึงปลูกต้นไม้ล้านต้น ถือว่าสำเร็จเกินเป้าหมายที่วางไว้ สวน 15 นาที ความคืบหน้าขณะนี้สำนักงานเขตและสำนักสิ่งแวดล้อม ได้จัดหาพื้นที่ทำสวนได้แล้ว 98 แห่ง เนื้อที่รวมทั้งหมด 641 ไร่ 3 งาน 63.17 ตารางวา เป็นที่ดินกทม. 39 แห่ง หน่วยงานรัฐ 34 แห่งเอกชน 25 แห่ง เปิดให้บริการแล้ว 13 แห่ง แผนในปี 2566 คาดจะดำเนินการเสร็จอีก 20 แห่ง และทยอยทำต่อเนื่องไป ที่ล่าช้าบางแห่งมีปัญหาเรื่องการออกแบบ ซึ่งเราก็ได้ความร่วมมือกับเอกชนมาช่วยทำให้งานเดินเร็วขึ้น และเปิดโอกาสให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการออกแบบพื้นที่และกิจกรรมต่างๆ ในสวน เพื่อให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้งานอย่างแท้จริง
สำหรับสวนที่เปิดให้บริการแล้ว 13 แห่ง ได้แก่ 1.สวนหน้าคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลฯ 2.สวนหย่อมดับเพลิงสุทธิสาร 3.สวน Vadhana Pocket Park ซอยทองหล่อ 10 4.สวนหย่อมซอยสุขุมวิท 62/3 ใกล้กับโรงแรมคอนวีเนียนพาร์ค 5.สวนหย่อมซอยวชิรธรรมสาธิต 27 (ชุมชนหมู่บ้านทับแก้ว) 6.สวนหย่อมพิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก (เขตบางรัก) 7.สวนสุขใจ 8.สวนจุดพักรถลาดกระบัง 9.ยูเทิร์นเพลินใจ ทางกลับรถใต้สะพานบางขุนศรี 10.ที่ว่างชุมชนการเคหะธนบุรีโครงการ 1 ส่วน 4 11.สวนสมเด็จย่าบางขุนเทียน 12.ลานอเนกประสงค์ สวนสุขเวชชวนารมย์และ 13.สวนบางบอนสุขใจ รวมพื้นที่ 20 ไร่ 10.47ตารางวา
รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวอีกว่า งานด้านการจัดระเบียบหาบเร่-แผงลอย เป็นเรื่องยากและมีความสำคัญ ในการให้ผู้ค้าและผู้เดินเท้าใช้ทางเท้าร่วมกันได้ ปัจจุบัน กทม. มีจำนวนจุดผ่อนผันทั้งหมด 95 จุด ผู้ค้ารวมประมาณ 4,300 ราย จะเน้นเรื่องจัดระเบียบผู้ค้าต้องอยู่ในเงื่อนไขหลักเกณฑ์ที่กำหนด และมีการหยุดทำความสะอาดพื้นที่ทำการค้าสัปดาห์ละครั้งตามแต่ละจุดกำหนดวันส่วนนอกจุดผ่อนผัน ปัจจุบันมีทั้งหมด 618 จุด มีผู้ค้ารวม 13,964 ราย ซึ่งตนได้ให้แนวทางเขตไปดำเนินการ 3 ส่วน คือ 1.จัดระเบียบผู้ค้าในจุด 2.นำผู้ค้านอกจุดเข้าไปรวมอยู่ใน Hawker center และ 3.หาพื้นที่ประสานทำ Hawker center แนวทางนี้ไม่รับประกันว่าจะดีที่สุด แต่ตนพยายามให้สำนักงานเขตมาใส่ใจดูปัญหานี้มากกว่าเดิม หากเขตรับปัญหาไปแก้ไขอย่างจริงจัง ก็จะสามารถสำเร็จได้ระดับหนึ่ง เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
“เรื่องหาบเร่-แผงลอย เป็นเรื่องที่หนักใจ เพราะเป็นเรื่องที่ทำเกี่ยวกับคน คนที่ขายก็ค้าขายกันมานานขณะเดียวกันทางเท้าก็เป็นที่สาธารณะ มีการใช้สอยร่วมกันระหว่างผู้ค้ากับประชาชน ซึ่งส่วนหนึ่งต้องการซื้อสินค้าราคาถูกใกล้ที่ทำงาน กับอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ซื้อแต่ต้องการเดินทางเท้าที่สะดวกกว้างมากพอไม่มีหาบเร่ไปกีดขวางทางสัญจร เป็นเรื่องที่เราจะต้องดูแลคน 3 ส่วนนี้ให้อยู่ด้วยกันได้เป็นเรื่องยาก และปัญหาอีกส่วนหนึ่ง เมื่อผู้ค้าไม่อยู่ในระเบียบทิ้งเศษอาหารไขมันลงทางเท้าท่อระบายน้ำ ก็จะทำให้เกิดปัญหากระทบต่อไป เช่นปัญหาน้ำท่วม ดังนั้น ถ้าเรามีหาบเร่-แผงลอยแล้วผู้ค้าเองก็ต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามระเบียบไม่ใช่เอาแต่ใจเรายอมรับว่าหาบเร่-แผงลอยเป็นอาชีพของเขา แต่เป็นการขายในที่สาธารณะ ซึ่งผิดหลักของการสร้างทางเท้ามาเพื่อใช้เดิน หากเมื่อไรมีการเอาที่ไปค้าขาย คนที่ใช้ทางเท้าต้องไม่เดือดร้อน” นายจักกพันธุ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี