‘อนุทิน’ขอบคุณ อสม.กองหน้าดูแลสุขภาพคนไทย ย้ำมอบสวัสดิการสอดคล้องภารกิจ
12 มกราคม 2566 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตั้งแต่ประเทศไทยได้ประกาศปรับระดับโรคโควิด19 เป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังมาตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข ได้ให้การติดตามสถานการณ์โรคอย่างใกล้ชิดซึ่งในภาพรวม ณ ขณะนี้ถือว่ายังคงดีขึ้นโดยต่อเนื่อง โดยรายงานล่าสุดของกรมควบคุมโรค วันที่ 1-7 ม.ค. 66 ระบุว่าทั่วประเทศมีผู้ป่วยรายใหม่ 997 คน หรือเฉลี่ยวันละ 142 คน ซึ่งนับว่าเป็นความสำเร็จจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน หน่วยงานของรัฐ เอกชน ภาคประชาชน เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์และสาธารณสุข
รองนายกรัฐมนตรี ได้เน้นย้ำว่าความสำเร็จในการบริหารจัดการโควิด19 ของไทยมีส่วนสำคัญจากการทำงานหนักของบุคลากรทุกระดับรวมถึงพี่น้องอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) ที่เป็นกองหน้าในการช่วยดูแลสุขภาพคนไทยไปถึงชุมชนระดับฐานรากทั้งในช่วงเกิดโรคระบาดและสถานการณ์ปกติ
“รองนายกรัฐมนตรีขอบคุณพี่น้อง อสม. ที่ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขและหน่วยงานต่างๆในการดูแลคนไทยมาโดยตลอด เป็นด่านหน้าคนแรกๆ ที่เข้าไปดูแลคนชุมชนหรือพื้นที่ห่างไกล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขตระหนักถึงความสำคัญของพี่น้อง อสม. จึงได้เน้นย้ำถึงนโยบายการดูแลและมีสวัสดิการเพื่อเป็นขวัญกำลังใจแก่ อสม. ทั่วประเทศให้ต่อเนื่องสอดคล้องกับสถานการณ์ทั้งช่วงมีการแพร่ระบาดของโควิด19และสถานการณ์ปกติ”น.ส.ไตรศุลี กล่าว
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ปัจจุบันกระทรวงสาธารณสุขมีสวัสดิการที่เป็นขวัญกำลังใจแก่ อสม.และอาสาสมัครสาธารณสุขกรุงเทพมหานคร(อสส.) 1,050,306 คน อยู่หลายด้านด้วยกัน อาทิ ค่าตอบแทนเดือนละ 1,000 บาท ซึ่งในช่วงเกิดการแพร่ระบาดของโควิด19 คณะรัฐมนตรี(ครม.) อนุมัติให้เพิ่มเติมอีกเดือนละ 500 บาท เป็นเวลา 30 เดือน หรือ 2 ปีครึ่ง ตั้งแต่ มี.ค. 63- ก.ย. 65 รวมกว่า 15,000 ล้านบาท
นอกจากนี้มีสวัสดิการด้านการดูแลสุขภาพตามรายการตรวจสุขภาพประจำปี ภายใต้ระเบียบสาธารณสุข ว่าด้วยการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล เพื่อให้ อสม. ได้รับการตรวจสุขภาพตามช่วงวัย อาทิ การประเมินคัดกรองความดันโลหิต, ความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด(Thai CV risk score), ภาวะซึมเศร้า,ภาวะเครียด สำหรับผู้มีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพิ่มการตรวจความเข้มข้นระดับน้ำตาลในเลือด(FBS)ตรวจอุจจาระ (Stool examination)สำหรับผู้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงพยาธิใบไม้ตับ และกรณีผู้มีอายุ 60 ปีขึ้นไป สามารถเข้ารับบริการประเมินภาวะถดถอย 9 ด้านด้วย
ขณะเดียวกันยังมีสวัสดิการค่าห้องพิเศษและอาหารพิเศษ ตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยการช่วยเหลือในการรักษาพยาบาล ที่กำหนดให้ อสม. ทุกคนเมื่อเข้าพักรักษาตัวในสถานพยาบาลของรัฐสังกัดกระทรวงสาธารณสุข จะได้รับการยกเว้นค่าห้องพิเศษและอาหารพิเศษ ส่วนกรณีบุคคลในครอบครัวของ อสม. ให้ได้รับสิทธิช่วยเหลือร้อยละ 50 มีสวัสดิการจากมูลนิธิ อสม. ไทย กรณีประสบอุบัติเหตุจากการปฏิบัติหน้าที่ กรณีเสียชีวิตจะได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท,ทุพพลภาพ 3,000 บาท และเยียวยา 1,000-2,000 บาท เงินช่วยเหลือเยียวยาจากผลกระทบการปฏิบัติหน้าที่ทั้งโดยตรงและทางอ้อม โดยการยื่นคำขอผ่านหน่วยงานต้นสังกัดมายังกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ ตลอดจนสิทธิฌาปนกิจสงเคราะห์ อสม. เป็นต้น
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพ อสม. ให้สามารถสนับสนุน “นโยบาย 3 หมอ" โดย อสม. จะเป็นหมอคนแรกที่ดูแลสุขภาพคนไทย ก่อนส่งต่อไปยังหมอคนที่ 2 คือ บุคลากรในสถานบริการปฐมภูมิ และหมอคนที่ 3 แพทย์ในโรงพยาบาลต่อไป ซึ่งส่วนหนึ่งของการพัฒนานี้มีการดำเนินการคัดเลือก อสม. หรือทายาทของ อสม. เข้าร่วมหลักสูตรผู้ช่วยพยาบาล 3,000 คน โดยการร่วมมือของกรมสนับสนุนบริการสุขภาพและสถาบันพระบรมราชชนกด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี