ฟังความ 2 ด้าน!จนท.จับตาย 1 ราย-เจ็บ 2 รายกะเหรี่ยงลอบล่าสัตว์ ผู้รอดชีวิตโวยยอมแล้ว
15 มกราคม 2566 ความคืบหน้ากรณีช่วงเย็นวันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา สภ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี รับแจ้งจากจากเจ้าหน้าที่เขตหน่วยอนุรักษ์ป่าไซเบอร์ หมู่ 1 ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี ว่ามีชาวกะเหรี่ยง 3 ราย ลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่าในเขตอนุรักษ์ป่าไซเบอร์ ซึ่งเป็นเขตหวงห้าม จนเกิดการปะทะกันกับเจ้าหน้าที่ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนอีก 2 ราย โดนยิงที่ขาได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่เร่งลงพื้นที่เข้าไปในป่า ลึกถึง 10 กิโลเมตร พบผู้เสียชีวิต 1 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย ถูกยิงที่ขา เจ้าหน้าที่รีบนำตัวส่ง รพ. ส่วนอีกคนได้หลบหนีหายออกไปจากป่า อยู่ระหว่างติดตามตัว พร้อมกับพบของกลางปืนลูกซองยาว 1 กระบอก พร้อมปืนลูกกรดไทยประดิษฐ์.22 2 กระบอก ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน
หลังรับแจ้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยคตได้ประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมฝ่ายปกครอง อ.ห้วยคต เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ห้วยคต แพทย์เวร รพ.ห้วยคต กู้ภัยอุทัยธานี หลายจุด ร่วมกันนำร่างผู้เสียชีวิตลงมาจากในเขตป่าลึก พร้อมหาร่องรอยในที่เกิดเหตุ ขณะที่จากการชันสูตรร่างผู้เสียชีวิต พบรอยยิงที่ด้านหลัง 1 นัด
ล่าสุดนายบาส อายุ 20 ปี ซึ่งรู้จักกับชาวกะเหรี่ยงทั้ง 3 คน เปิดเผยว่า 1 ใน 3 ชาวกะเหรี่ยง ชื่อนายเปิ้ก อายุ 25 ปี ได้แชทมาบอกคนที่บ้านว่าถูกเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธุ์สัตว์ป่าในเขตป่าอำเภอห้วยคต ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขาทั้ง 2 ข้าง ขณะที่นายเปิ้ก ได้หลบซ่อนตัวหนีอยู่ในป่า เป็นคนในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต จ.อุทัยธานี
ทั้งนี้ ตนรู้จักกับชาวกะเหรี่ยงทั้ง 3 คน เป็นคนที่ตนเองรู้จัก คนที่ 1 ชื่อนายเปิ้ก อายุ 25 ปี ที่บาดเจ็บจากการโดนยิงที่ขา 2 ข้าง ซึ่งเป็นคนเดียวกันกับที่แชทมาบอกทางญาติว่าถูกเจ้าหน้าที่ยิง ส่วนอีกคนที่ 2 ชื่อแชะ อายุ 24 ปี หลบหนีเจ้าหน้าที่หายออกไปจากป่า ทั้ง 2 คน เป็นคนในพื้นที่ ต.ทองหลาง อ.ห้วยคต ส่วนคนที่ 3 ชื่อโด่งเป็นผู้เสียชีวิต อยู่บ้านอีมาดอีทราย หมู่ 4 อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี หลังจากเพิ่งลางานมาพักผ่อนที่บ้านได้เพียงไม่นาน ได้เข้าไปเขตป่าที่ห้วยคตพร้อมพวก จนเกิดเหตุดังกล่าว
ส่วนนายเปิ้ก ที่ถูกยิงที่ขา อ้างว่าตนเอง พร้อมผู้ตายและพวกอีก 1 คน ได้เข้าไปในป่าพร้อมมีอาวุธปืนติดตัวไปด้วย แต่ยังไม่ทราบที่มาของปืน พร้อมกับได้นั่งกินข้าวกับพวก ระหว่างนั้นได้มีชุดเจ้าหน้าที่อนุรักษ์พันธ์สัตว์ป่ามาพอดี ตนพร้อมพวกตกใจจึงได้ลุกวิ่งหนีไปคนละทาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่ขาตนทั้ง 2 ข้าง ตนจึงหลบไปซ่อนตัวอยู่ในป่าก่อน ส่วนอีก 1 คน ก็ถูกยิง แต่ไม่ทราบว่าถูกยิงตรงจุดไหน ส่วนอีกคนไม่ทราบว่าถูกยิงหรือไม่ เพราะพวกตนหนีไปกันคนละทาง จนมาทราบว่ามีผู้เสียชีวิต ทั้งๆที่ตนเองบอกเจ้าหน้าที่ว่ายอมๆแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังยิงมา จนตนได้รับบาดเจ็บ และมีผู้เสียชีวิต
ส่วนมารดาของผู้ตาย อายุ 49 ปี เปิดเผยว่า ทำไมเจ้าหน้าที่เขตป่าไม่จับลูกดีๆ ทำไมต้องยิงกันถึงตาย ตัวแม่เองอยากถามเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุไหม
ด้านนายเพิ่มศักดิ์ กนิษฐชาติ นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ทำหน้าที่หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เปิดเผยว่า สถานที่ดังกล่าวได้มีการลักลอบล่าสัตว์ป่าอยู่หลายครั้ง พร้อมกับได้มีสายข่าวจากชาวบ้านว่าจะมีคนเข้ามาลักลอบล่าสัตว์ป่า จึงได้จัดเจ้าหน้าที่ชุดสายตรวจเข้าไปปฏิบัติลาดตระเวนตามหน้าที่ทั่วไปตามที่ได้ข่าวมา กระทั่งเวลา 10.00 น.วันที่ 14 มกราคม ที่ผ่านมา ชุดลาดตระเวนได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 5 นัด เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนจึงได้ย้อนกลับมาตรวจสอบ พร้อมกับแบ่งกำลังเป็น 2 ชุด เป็นชุดซุ่มเดินเข้าไปตรวจสอบพื้นที่ ระหว่างเดินเข้าไปได้ยินเสียงคนคุยกันโดยไม่ใช้ภาษาไทย เจ้าหน้าที่จึงเข้าไปใกล้กับจุดนั้นให้ได้มากที่สุด
“จังหวะนั้นกลุ่มลักลอบหันมาพบ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวเพื่อเข้าจับกุม จังหวะนั้นนักลักลอบทั้ง 3 คน ก็ยิงปืนใส่ เจ้าหน้าที่จึงเข้าที่กำบัง แล้วก็มีการยิงกลับไป จนเหตุการณ์สงบลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่ก็ต้องรักษาชีวิตตนเองไว้เหมือนกัน จึงเกิดเหตุการณ์ขึ้น ในที่เกิดเหตุพบซากสัตว์ 3 กระสอบปุ๋ย เป็นซากค่าง ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเป็นการกระทำผิดตามกฎหมาย พร้อมกับปืน 3 กระบอก” นายเพิ่มศักดิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี