ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกลสมุทรสงคราม เข้าติดตามสถานการณ์เรือน้ำมันระเบิด วอนรัฐจี้บริษัทเร่งเยียวยาประชาชน-ออกกฎหมาย PRTR บีบอุตสาหกรรมเปิดเผยข้อมูลมลพิษ
เมื่อวันที่ 18 มกราคม 2566 นายอานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคก้าวไกล จ.สมุทรสงคราม เข้าติดตามผลกระทบจากกรณีเหตุเรือบรรทุกน้ำมัน สมูธซี 2 ระเบิดที่อู่ซ่อมเรือ ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองฯ จ.สมุทรสงคราม เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ระหว่างจอดรอการซ่อมบำรุง จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 2 คน มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย และมีบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย โดยหลังเกิดเหตุการณ์ อานุภาพ พร้อมทีมงานพรรคก้าวไกลสมุทรสงคราม ได้เข้าเยี่ยมเยียนพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบในพื้นที่ พร้อมร่วมฟังและซักถามผู้ว่าราชการจังหวัดระหว่างการแถลงข่าวเมื่อวานนี้
นายอานุภาพ เปิดเผยว่า สิ่งที่เป็นประเด็นสำคัญที่สุดในขณะนี้คือมาตรการในการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบ รวมถึงผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ซึ่งจากการได้ซักถามกับผู้ว่าราชการจังหวัดเมื่อวานนี้ ท่านก็ได้ระบุว่าอย่างไรบริษัทเจ้าของเรือต้องเป็นผู้รับผิดชอบ พร้อมรับปากว่าจะเร่งรัดกับทางบริษัทเจ้าของเรือและบริษัทประกันภัยให้รีบดำเนินการเยียวยาโดยเร็วที่สุด ส่วนในระยะยาวจะป้องกันอย่างไรนั้น ยังคงไม่มีคำตอบที่ชัดเจนนักนอกจากว่าจะต้องรอกระบวนการพิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บข้อมูลวันนี้เพื่อหาสาเหตุก่อน
ทั้งนี้ ตนต้องขอเน้นย้ำถึงเรื่องการเยียวยาประชาชนเพราะจากกรณีที่เคยเกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน เมื่อปีที่แล้วกับเรือของบริษัทเดียวกันที่ จ.สมุทรปราการ ข้อเท็จจริงปรากฏว่าประชาชนจำนวนมากได้รับเงินเยียวยาล่าช้า บ้างก็ถูกบ่ายเบี่ยงไม่ยอมชดเชยให้ ตนจึงขอเรียกร้องไปทางผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ว่าขอให้อย่าเกิดการบ่ายเบี่ยงล่าช้าในการเยียวยาประชาชนเกิดขึ้นแบบนี้อีก
นายอานุภาพ ยังกล่าวต่อไปว่า สิ่งที่เป็นข้อกังวลต่อมาคือมาตรการในระยะยาว เพราะเหตุระเบิดในครั้งนี้เรียกได้ว่าซ้ำรอยกับเหตุการณ์ที่ จ.สมุทรปราการ แทบจะถอดแบบกันมา ทั้งเรือยี่ห้อเดียวกัน มาจากบริษัทเดียวกัน ลักษณะการระเบิดก็เหมือนกัน เกิดแรงดันอากาศจนบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย กระจกแตก หลังคาพังเหมือนกัน
ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุการณ์ระเบิดขึ้นมา ภายในชุมชนโดยรอบเองก็มีบรรยากาศของความไม่สบายใจและไม่ไว้เนื้อเชื่อใจเกิดขึ้นมาระยะหนึ่งแล้ว ไม่ว่าจะเป็นข้อกังขาถึงการอนุญาตให้ตั้งอู่ซ่อมเรือที่นี่ และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินการของอู่ ที่ทำให้ชุมชนเกิดความไม่สบายใจมาโดยตลอด
"ก่อนหน้านี้ประชาชนในชุมชนเคยร้องเรียนไปหลายครั้งว่าเวลามีการนำเรือมาซ่อมบำรุงมักจะมีน้ำมันรั่วไหลลงสู่แม่น้ำ ประชาชนหลายคนก็ไม่อยากให้มาตั้งที่นี่ หลายคนมีถามว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกใบอนุญาตให้บริษัทเข้าทำการตั้งอู่ต่อเรือในจุดนี้ซึ่งเป็นป่าชายเลนได้อย่างไร กรณีที่เกี่ยวกับการดำเนินการของบริษัทว่าถูกต้องหรือไม่ มีการปล่อยมลพิษลงสู่สิ่งแวดล้อมจริงหรือไม่ ก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องสืบค้นข้อเท็จจริงต่อไป แต่ประเด็นสำคัญจริงๆ ก็คือความขัดแย้งตึงเครียดระหว่างอุตสาหกรรมกับชุมชนได้ดำรงอยู่ที่นี่มาระยะหนึ่งแล้ว และมีแต่จะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นต่อไปในอนาคตหลังเกิดเหตุระเบิดขึ้นมาเช่นนี้" นายอานุภาพ กล่าว
นายอานุภาพ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ สิ่งที่ตนเห็นว่าควรจะเป็นมาตรการแก้ไขปัญหาในระยะยาว ต้องเน้นไปที่นโยบายระดับประเทศ ผ่านการออกกฎหมาย การปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ - PRTR (Pollutant Release and Transfer Registers) ซึ่งพรรคก้าวไกลได้เคยนำเสนอร่างไปแล้ว แต่ปัจจุบันยังถูกดองอยู่ที่คณะรัฐมนตรีไม่ให้นำขึ้นมาพิจารณา โดยอ้างว่าเพราะเป็นกฎหมายที่เกี่ยวกับการเงิน
สิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจของชุมชน ข้อร้องเรียนต่างๆ จนมาถึงการระเบิดในครั้งนี้ จะสามารถป้องกันหรือบรรเทาและแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที ด้วยการมีกฎหมาย PRTR ที่บังคับให้แหล่งกำเนิดมลพิษต้องรายงานการปล่อยหรือเคลื่อนย้ายมลพิษต่อกรมควบคุมมลพิษและเปิดเผยให้ประชาชนทุกคนเข้าถึงและตรวจสอบได้ โดยมีหลักเกณฑ์ในการตรวจวัดมลพิษที่ชัดเจนและกำหนดสารมลพิษที่จะต้องรายงานต่อกรมควบคุมมลพิษ
อย่างเช่นในกรณีอู่ซ่อมเรือแบบนี้ หากภาครัฐมีข้อมูลปริมาณน้ำมัน รวมทั้งสารเคมีอื่นๆ ที่มีอยู่ทั้งบนเรือและในอู่ซ่อมเรืออยู่ในมือ ก็จะสามารถเตรียมการในกรณีที่เกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ได้อย่างทันท่วงที แก้ปัญหาได้อย่างตรงจุดด้วยเครื่องมือและอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสภาพสารเคมี และสามารถออกคำเตือนต่อประชาชนบริเวณโดยรอบได้อย่างเหมาะสม และที่สำคัญคือจะทำให้ประชาชนได้รับรู้อย่างไร้ข้อกังขา ว่ามีการปล่อยมลพิษเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ในปริมาณเท่าไหร่ หากบริษัททำทุกอย่างถูกต้องก็ไม่ต้องกังวลหรือกลัวจะถูกร้องเรียนใดๆ
นายอานุภาพ กล่าวต่อว่า กฎหมาย PRTR มีการใช้กันในมากกว่า 36 ประเทศทั่วโลก เป็นมาตรฐานขั้นต่ำที่ประเทศไทยควรมี เพราะที่ผ่านมาประชาชนกับอุตสาหกรรมมักมีข้อพิพาทกันอยู่เสมอด้วยความที่กฎหมายของเราหละหลวม เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มทุนมากกว่าประชาชน อย่างในกรณีที่เกิดขึ้นที่สมุทรสงครามนี้ ย้อนไปจนถึงเหตุการณ์แบบเดียวกันที่เกิดขึ้นที่สมุทรปราการ ก็เกิดขึ้นมาเพราะความหละหลวมของกฎหมายที่ไม่มีการควบคุมอุตสาหกรรมให้ดำเนินการให้ได้มาตรฐาน ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม ชุมชน และการป้องกันเหตุไม่คาดฝันที่จะเกิดขึ้น และหากเรายังเดินหน้าไปด้วยความหละหลวมแบบนี้ต่อ เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นอีกในอนาคตอย่างแน่นอน
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี