วันที่ 27 เมษายน 2567 นายธวัชชัย ไทยเขียว กรรมการ พิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ(ก.พ.ค.ต.ร.) และรองโฆษก ก.พ.ค.ต.ร. โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก โดยชี้แจงถึงกรณีข้าราชการตำรวจอุทธรณ์คำสั่งทางปกครอง ว่ากระบวนการขั้นตอนการดำเนินการกรณีดังกล่าว เมื่อผู้อุทธรณ์ยื่นอุทธรณ์ต่อ ก.พ.ค.ตร. ภายใน 30 วันนับแต่วันทราบคำสั่ง
ประธาน ก.พ.ค.ตร. มอบหมายกรรมการคนหนึ่งเป็นเจ้าของสำนวนพิจารณาสำนวนอุทธรณ์ว่า เป็นอุทธรณ์ที่ถูกต้องครบถ้วนและมีลักษณะต้องห้ามหรือไม่
เมื่อถูกต้องครบถ้วนการพิจารณาวินิจฉัยให้แล้วเสร็จภายใน 120 วัน เว้นแต่มีเหตุขัดข้องพิจารณาไม่แล้วเสร็จให้ขยายได้อีกไม่เกิน 2 ครั้งๆละไม่เกิน 60 วัน และให้บันทึกเหตุขัดข้องไว้
กรรมการสั่งรับอุทธรณ์แล้ว ให้มีคำสั่งให้คู่กรณีในอุทธรณ์ทำคำแก้อุทธรณ์ภายใน 30 วันหรือภายในระยะเวลาที่กรรมการเจ้าของสำนวนกำหนดโดยส่งสำเนาคำอุทธรณ์และสำเนาพยานหลักฐานไป หรืออาจจะกำหนดประเด็นให้คู่กรณีในอุทธรณ์ทำคำแก้อุทธรณ์เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาด้วยหรือไม่ก็ได้
เมื่อได้รับคำแก้อุทธรณ์ของคู่กรณีมาแล้ว กรรมการจะต้องส่งสำเนาคำแก้อุทธรณ์พร้อมทั้งสำเนาพยานหลักฐานกลับให้ผู้อุทธรณ์ทราบ
หากข้อมูลยังไม่เพียงพอกรรมการก็อาจออกคำสั่งเรียกให้ส่งสำนวนการสอบสวนและการลงโทษ หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องภายในเวลาที่กำหนด หรือบุคคลใดที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ หรือให้ส่งพยานหลักฐานหรือเอกสารที่เกี่ยวข้องเพื่อประกอบการแสวงหาข้อเท็จจริง หรือเรียกคู่กรณีมาชี้แจงข้อเท็จจริงเพิ่มเติมต่อ ก.พ.ค.ตร. ตามที่เห็นสมควรได้
เมื่อได้มีการแสวงหาข้อเท็จจริงมาแล้ว กรรมการจะพิจารณาข้อเท็จจริงที่ได้มาทั้งหมด และเห็นว่าไม่มีกรณีที่จะต้องแสวงหาข้อเท็จจริงเพิ่มเติม ก็ให้มีคำสั่งกำหนดวันสิ้นสุดการแสวงหาข้อเท็จจริงโดยแจ้งให้คู่กรณีทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 10 วัน
กรรมการจัดทำบันทึกสรุปสำนวนเสนอต่อ ก.พ.ค.ตร. เพื่อพิจารณาวินิจฉัย และขอกำหนดวันพิจารณาวินิจฉัย และแจ้งวันประชุมพิจารณาวินิจฉัยให้คู่กรณีทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน
ระหว่างก่อนถึงวันพิจารณาวินิจฉัยและมีมติ คู่กรณีมีสิทธิยื่นคำแถลงเป็นหนังสือในเรื่องนั้น ต่อ ก.พ.ค.ตร. ได้
วันพิจารณาวินิจฉัยคู่กรณีสามารถมาแถลงด้วยวาจาต่อ ก.พ.ค.ตร. ในการประชุมพิจารณาวินิจฉัยก็ได้
ผลการพิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. จะออกมาว่า ไม่รับอุทธรณ์ ยกอุทธรณ์ หรือมีคำวินิจฉัยให้แก้ไขหรือยกเลิกคำสั่งลงโทษและให้เยียวยาความเสียหายให้ผู้อุทธรณ์ รวมทั้งเร่งรัดติดตามการเยียวยา หรือให้ดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม แต่จะมีคำวินิจฉัยให้เพิ่มโทษไม่ได้ แต่เห็นสมควรเยียวยาความเสียหายให้ผู้อุทธรณ์ หรือดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมอาจกำหนดไว้ในคำวินิจฉัย โดยให้คำนึงถึงความเสียหายที่ชัดแจ้งซึ่งผู้อุทธรณ์ได้รับ รวมทั้งสิทธิประโยชน์ของผู้อุทธรณ์ที่พึงได้รับตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เนื่องมาจากความเสียหายที่เกิดขึ้นประกอบด้วย
ทั้งหมดทั้งสิ้นนี้ นอกจากนี้อาจกำหนดวิธีการชั่วคราวเพื่อการแก้ไขปัญหา หรือบรรเทาทุกข์ก่อนที่ ก.พ.ค.ตร. จะมีคำวินิจฉัยด้วยก็ได้ การกำหนดวิธีการดังกล่าว ให้คำนึงถึงองค์ประกอบสำคัญซึ่งได้หากเห็นว่า คำสั่งทางปกครองที่เป็นเหตุพิพาทนั้นน่าจะไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการให้คำสั่งทางปกครองดังกล่าวมีผลใช้บังคับต่อไปจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงยากแก่การเยียวยาแก้ไขในภายหลัง และการทุเลาการบังคับตามคำสั่งทางปกครองนั้นไม่เป็นอุปสรรคแก่การบริหารงานของรัฐ
เมื่อ ก.พ.ค.ตร. มีมติออกมาประการใดก็จะแจ้งคำวินิจฉัยหรือคำสั่งนั้นให้คู่กรณีทราบ พร้อมแจ้งสิทธิในการฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดด้วย
คำวินิจฉัยออกมาประการใด ผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งลงโทษต้องดำเนินการให้เป็นไปตามคำวินิจฉัยนั้นภายใน 30 วันนับแต่วันที่ ก.พ.ค.ตร. มีคำวินิจฉัย และถ้าไม่ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร. ให้ถือว่าเป็นการจงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น
ถ้าผู้อุทธรณ์ไม่เห็นด้วยกับคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของ ก.พ.ค.ตร. ให้ฟ้องคดีต่อศาลปกครองสูงสุดภายใน 90 วันนับแต่วันที่ทราบหรือถือว่าทราบคำวินิจฉัยของ ก.พ.ค.ตร.
ก่อน หรือระหว่างการพิจารณาวินิจฉัย ผู้อุทธรณ์สามารถคัดค้านกรรมการ ก.พ.ค.ตร. ได้ แต่ในทางปฎิบัติมีแนวทางภายในของกรรมการ ก.พ.ค.ตร. หรือเจ้าหน้าที่ที่มีเหตุแห่งการคัดค้านตามข้อกฎหมายจะการถอนตัวด้วยตนเองก่อนเลยครับ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี