นายกฯติดตามแก้ปัญหาน้ำท่วมหลายจังหวัด ปภ.เริ่มโอนเงินช่วยผู้ประสบภัยครั้งที่ 1 ตามมติ ครม.รวม 38,408ครัวเรือน กรอบวงเงินกว่า 6.2 พันล้านบาทจี้ทุกหน่วยงานเยียวยา ตรวจสอบ-ช่วยเหลือ
เมื่อวันที่ 22 มกราคม น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้ติดตามการแก้ไขสถานการณ์น้ำท่วมในหลายจังหวัดและได้เร่งรัด กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งบรรเทาทุกข์ ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่ รวดเร็วและถูกต้อง ทางกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้เริ่มโอนเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัยครั้งที่1แล้ว เมื่อวันที่ 20มกราคมที่ผ่านมา ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน2565 จำนวน 38,408ครัวเรือน
ทั้งนี้ ครม.เห็นชอบหลักเกณฑ์และเงื่อนไขวิธีการจ่ายเงินช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี2565 เพื่อให้การช่วยเหลือเยียวยาเบื้องต้นแก่ครอบครัวผู้ประสบอุทกภัยเป็นกรณีพิเศษ พร้อมทั้งอนุมัติกรอบวงเงิน 6,258.54 ล้านบาท เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยใน 66 จังหวัด ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขการจ่ายเงินช่วยเหลือ มีอัตราตั้งแต่ 5,000-9,000 บาท ได้แก่ กรณีที่อยู่อาศัยประจำอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันตั้งแต่ 1 วัน แต่ไม่เกิน 7 วัน และทรัพย์สินได้รับความเสียหาย หรือถูกน้ำท่วมขังเกินกว่า 7 วัน แต่ไม่เกิน 30วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 5,000บาท กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขัง ติดต่อกันเกินกว่า 30วัน แต่ไม่เกิน 60วัน ได้รับเงินช่วยเหลือ 7,000บาท กรณีที่พักอาศัยอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมขังติดต่อกันเกิน 60วัน ขึ้นไปให้ความช่วยเหลือครัวเรือนละ 9,000บาท
น.ส.ทิพานันกล่าวอีกว่า ปภ.ได้ดำเนินการบันทึกข้อมูลเข้าระบบตั้งแต่วันที่ 21ธันวาคม 2565-20มกราคม 2566 รวม 562,212ครัวเรือน จาก 66จังหวัด ที่ประสบอุทกภัยและกรุงเทพมหานคร ซึ่งมี 5จังหวัด ได้แก่ จ.กระบี่ ชุมพร ตราด นราธิวาสและอำนาจเจริญ และรายงานว่าไม่มีครัวเรือนที่เข้าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือ ทั้งนี้ในส่วนของ จ.พระนครศรีอยุธยาและปทุมธานีจัดส่งข้อมูลบัญชีรายชื่อครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยปี 2565 ชุดแรกให้ ปภ.39,425 ครัวเรือน จำนวนเงินทั้งสิ้น 311,838,000บาท โดย ปภ.ได้ส่งกรมการปกครองตรวจสอบความถูกต้องของเลขประจำตัวประชาชน และส่งข้อมูลครัวเรือนผู้ประสบภัยให้ธนาคารออมสินเรียบร้อยแล้ว 39,414 ครัวเรือน ส่วนผู้ประสบภัยอีก 11 รายพบว่าข้อมูลไม่ถูกต้องจึงส่งให้จังหวัดดำเนินการตรวจสอบอีกครั้ง
รองโฆษประจำสำนักนายกฯ กล่าวต่อว่า เมื่อวันที่ 20 มกราคมที่ผ่านมา ปภ.ได้ส่งข้อมูลให้ธนาคารออมสินและทางธนาคารได้โอนเงินช่วยเหลือ ครั้งที่ 1 เข้าบัญชีผู้ประสบอุทกภัย38,408 ราย ผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) แบ่งเป็น ธนาคารออมสิน 5,645รายและธนาคารอื่น 32,763ราย อย่างไรก็ดี มีผู้ประสบอุทกภัย 1,006ราย ไม่สามารถโอนเงินผ่านระบบพร้อมเพย์ได้เนื่องจากไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประชาชน ซึ่งปภ.ได้แจ้งให้จังหวัดประสานผู้ประสบภัยดำเนินการผูกบัญชีพร้อมเพย์เพื่อรับเงินช่วยเหลือต่อไป
ขณะเดียวกัน มีจังหวัดที่ได้จัดส่งข้อมูลครัวเรือนผู้ประสบอุทกภัยให้ ปภ.เพิ่มเติมแล้วอีก 4 จังหวัด ได้แก่ จ.ลพบุรี พระนครศรีอยุธยา ขอนแก่นและสุพรรณบุรี รวม 75,841 ครัวเรือน จำนวนเงิน 547,805,000 บาท ซึ่งจะรวบรวมส่งให้ธนาคารออมสินเพื่อดำเนินการโอนเงินเข้าบัญชีต่อไป สำหรับจังหวัดอื่นๆ หลายจังหวัดได้มีกำหนดการประชุม ก.ช.ภ.จ.เพื่อตรวจสอบและจัดส่งข้อมูลเพิ่มเติมให้ ปภ.เพื่อให้สามารถจ่ายเงินช่วยเหลือแก่ผู้ประสบภัยได้ครบถ้วนตามระยะเวลาที่กำหนด
น.ส.ทิพานัน กล่าวว่า ประชาชนที่ได้ยื่นคำร้องขอรับเงินช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตามสถานะการดำเนินการของตนเองได้ที่ https://flood65.disaster.go.th หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองช่วยเหลือผู้ประสบภัย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โทรศัพท์หมายเลข 0-2637-3511 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนให้รวดเร็ว ครอบคลุมและทั่วถึง ควบคู่ไปกับการฟื้นฟูในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นในที่อยู่อาศัย เครื่องมือทำมาหากิน ด้านเศรษฐกิจ สร้างอาชีพสร้างรายได้ ด้านสุขภาพพลานามัย ด้านจิตใจ เป็นต้น รวมทั้งเตรียมแผนรับมือปัญหาในระยะยาว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี