‘ชูวิทย์’แฉมีพยาน 2 คนคดีตู้ห่าวถูกข่มขู่ให้ถอนตัว เล็งยื่นถอนประกัน พ.ต.อ.หญิง
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 23 มกราคม 2566 ที่ห้องพิจารณาคดี 403 ศาลอาญากรุงเทพใต้ ถ.เจริญกรุง ศาลนัดสอบคำให้การจำเลย และนัดตรวจพยานหลักฐานคดีตู้ห่าวกับพวก หมายเลขดำ ย.87/2566 ที่เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา พนักงานอัยการสำนักงานคดียาเสพติด 4 ได้นำสำนวนฟ้อง 332 หน้าเป็นโจทก์ฟ้องนายฮวง ไฮ่ เท่า เป็นจำเลยที่ 1 นายชัยณัฐร์ หรือตู้ห่าว กรณ์ชายานนท์ นักธุรกิจชาวจีน เป็นจำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยรายอื่นซึ่งมีพวกจำเลยสัญชาติจีน ไทย กัมพูชา และบริษัทนิติบุคคล 5 แห่ง รวม 23 ราย เป็นจำเลยต่อศาลรวม 9 ข้อหา
วันนี้ศาลได้เบิกตัวนายตู้ห่าวกับพวกที่ไม่ได้รับการประกันตัวจากเรือนจำมาศาล ส่วนจำเลยที่ได้รับการประกันตัว อาทิ พ.ต.อ.หญิง จำเลยที่ 8 ภรรยานายตู้ห่าว มาศาล โดยวันนี้ศาลไม่อนุญาตให้ญาติ บุคคลใกล้ชิด บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง และผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการพิจารณา รวมทั้งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ อดีตนักการเมือง ซึ่งเป็นผู้เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับสถานบันเทิงจินหลิง ย่านยานนาวา ที่มีการลักลอบเล่นการพนัน ค้ายาเสพติด ได้เดินทางมาสังเกตการณ์
นายชูวิทย์ เปิดเผยเบื้องต้นว่า เมื่อ 5 ปีก่อนที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ตนเคยรับ โทษเมื่อทำผิดติดคุกตามกระบวนการยุติธรรม วันนี้ตนจะมาติดตามในฐานะประชาชนคนหนึ่ง ซึ่งเคยบอกแล้วว่าตนจะมาติดตาม โดยศาลจะนัดดูพยานหลักฐานดูคำให้การสอบถามจำเลยว่าจะให้การปฏิเสธหรือรับสารภาพ และตนเข้าใจว่านายตู้ห่าวกับพวกคงจะปฏิเสธ เพราะ โทษหนักทั้ง9 ข้อหา อย่างไรก็ดี การต่อสู้ในวันนี้ก็คงจะดูว่ามีพยานหลักฐานอื่นใด จำเลยมีพยานเท่าไหร่นัดสืบพยายามกี่วัน กี่นัด
“ประการสำคัญที่อยากจะบอกคือตนจะติดตามว่ามีการข่มขู่พยาน มีหลักฐานที่ตนได้รายงานให้กับ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เมื่อวานซึ่งท่านได้สั่งทีมงานให้ไปสอบคำให้การพยานว่ามีการข่มขู่พยานอย่างไร มีการเขียนว่าให้เงินทองก็ไม่ต้องให้การ ซึ่งการกระทำเช่นนี้เขาเรียกว่า คำใต้ดิน ต่อไปก็คงจะวิ่งเต้นทำลายพยานหลักฐาน เป็นกี่ครั้งแล้วที่นายตู้ห่าวใช้วิธีการใต้ดินยัดเงินให้พยาน ไม่ต้องขึ้นให้การให้พยานหลบหนีไป กี่ครั้งแล้วที่ประชาชนพ่ายแพ้” นายชูวิทย์ กล่าว
นายชูวิทย์ กล่าวว่า เมื่อตนยังยินดีรับใช้กระบวนการยุติธรรมถูกลงโทษติดคุก 2 ปีทั้งๆที่เป็นที่ของตนเอง เมื่อตอนออกมาก็ต้องไปดูว่าคนอื่นๆที่ทำผิด จะได้รับโทษเหมือนตนหรือไม่ ถ้าไม่ได้รับก็ไม่ยุติธรรมกับตน แต่คดีของตนเป็นเรื่องเล็กส่วนคดีนี้เป็นเรื่องใหญ่ การมาขายยาเสพติดเป็นองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ วันนี้ทางอัยการจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มจำเลยรายหนึ่งที่ตอนแรกถูกสั่งฟ้องแค่คดีฟอกเงินแต่วันนี้จะฟ้องเพิ่มในข้อหา มีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ และจะเสนอให้พนักงานสอบสวนขอถอนประกัน พ.ต.อ.หญิง ที่เป็นจำเลยร่วมและได้ประกันตัวมาคนเดียว ซึ่งคณะทำงานก็เตรียมแจ้งข้อหาองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ และมีพฤติกรรมข่มขู่พยาน ซึ่งสามารถขอให้ศาลเพิกถอนประกันได้ที่ผ่านมานายตู้ห่าว ยังมีพฤติกรรมข่มขู่พยานอีกหลายคน มีอิทธิพลและมีความพยายามทำลายหลักฐาน ด้วยวิธีการใต้ดิน แต่ก็เชื่อมั่นว่ากระบวนยุติธรรมจะสามารถลงโทษกลุ่มขบวนการเหล่านี้ได้ ซึ่งวันนี้ตนก็จะเข้าไปนั่งฟังในฐานะประชาชนและออกมาเพื่อรายงานให้สังคมทราบ
เมื่อถามว่านายชูวิทย์มีรายชื่อเป็นพยานในคดีนี้หรือไม่ นายชูวิทย์ตอบว่า ตนมีรายชื่อเป็นพยานด้วย เพราะตนติดตามคดีนี้ พยานชี้เบาะแส อีกทั้งพยานที่สำคัญก็มาจากตนทั้งนั้น โดยวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะนัดเมื่อใดเพราะเป็นนัดครั้งแรก จำเลยในคดีนี้อาจจะรับสารภาพก็เป็นได้
เมื่อถามถึงการข่มขู่พยานว่าเป็นบุคคลรายใดนายชูวิทย์ ตอบว่า เรื่องนี้เรียบร้อยแล้วเมื่อวานที่ตนได้บอกเรื่องข่มขู่พยานมีหลักฐานเป็นแชทไลน์ให้ พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. ท่านก็ให้ทีมบินไปสอบปากคำพยานทั้ง 2 คนทันที ตนบอกแล้วว่าให้สู้กันตามกระบวนการยุติธรรมแต่ถ้ามาสู้กันใต้ดินตนรู้หมดทุกอย่างก้าว ตนบอกได้แค่ว่าพยานรายนี้คือพยานที่สำคัญมากที่สุด เป็นพยานที่ใกล้ชิดรู้ความเคลื่อนไหว จึงไม่สามารถบอกรายละเอียดมากกว่านี้ได้เพราะกระทบความปลอดภัยเท่าที่ตนทราบมีกลุ่มคน 4 คนต้องสงสัยไปนั่งเฝ้าพยานหน้าบ้าน ตอนนี้พยานคนดังกล่าวอยู่ในความคุ้มครองของ ผบ.ตร. ตนบอกเยอะไม่ได้ ให้นักข่าวไปถามทาง พล.ต.อ. ดำรงศักดิ์ ผบ.ตร. ดีกว่า
“แต่บอกได้เลยว่ากลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพล จะใช้ทุกวิถีทาง ทำลายน้ำหนักของพยานในระหว่างต่อสู้ของศาลชั้นต้นซึ่งเป็นศาลสำคัญ การทำลายพยานหลักฐานก็เป็นวิธีการทางใต้ดินอย่างที่ผ่านมาในอดีตที่ตนได้ออกมาแฉเชื่อได้เลยว่าจะมีการใช้อิทธิพลในคดีนี้แน่นอน แต่ตนเหนื่อยมากกับเรื่องนี้ ตนยังมั่นใจในกระบวนการยุติธรรม ตนก็จะมาตามคดีจนถึงศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกาจนคดีสิ้นสุด” นายชูวิทย์ กล่าว
ส่วนเรื่องที่คนจีนออกมาบอกว่าตำรวจมีการให้ทางหรือนำขบวนนั้น นายชูวิทย์กล่าวว่า เรื่องนี้มีมานานแล้วคือคนจีนต่างๆเหล่านี้เห็นเมืองไทยใช้เงินซื้อได้ทุกอย่าง แต่กรณีนี้มีการถ่ายคลิปลงสื่อโซเชียล การเข้าออกประเทศโดยไม่ต้องแสดงหน้าตาที่เคาน์เตอร์ มีกระบวนการหลายอย่าง ในสมัยก่อนกระเป๋าก็ยังไม่ต้องตรวจ ผ่านตม.ก็จ่ายเงินให้เขาพาออกไปได้ ไม่ต้องตรวจอะไร ต่อมาให้ใช้รถนำขบวนให้ดูยิ่งใหญ่เป็น VIP แต่ไม่เกี่ยวกับขบวนการทุนจีนสีเทา พวกคนจีนเหล่านี้มองเห็นเมืองไทยเป็นเมืองที่ไกลปืนเที่ยงไม่มีกฎหมายที่แข็งแกร่ง เจ้าหน้าที่รัฐของเราเป็นเสียเอง ทำให้คนเขาหัวเราะ ทำให้ต่างชาติเขาเยาะเย้ย อย่างที่นายตู้ห่าวเคยกล่าวไว้ว่ามีเงินทำได้ทุกอย่าง เราอย่าให้ต่างชาติมาใช้ประโยคนี้กับประเทศเรา ให้เป็นมีเงินก็ทำไม่ได้ ทำตามกฎหมายดีกว่า
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี