‘ชัยวัฒน์’ให้ปากคำปปช.
คดีอธิบดีฯฉาวรับสินบน
ยันไม่ใช่เงินค่าบูชาพระ
ปปป.ส่งสำนวนคดีแล้ว
“ชัยวัฒน์” ให้ปากคำ ป.ป.ช.คดีอธิบดีกรมอุทยานฯ เรียกรับสินบนวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัดฯ ยันซองที่พบเงินสดในห้องทำงานอธิบดีฯ ไม่ใช่เงินค่าบูชาพระบรมรูป และเงินช่วยแก้ไฟป่า
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายรัชฏา สุริยกุล ณ อยุธยา อดีตอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช เรียกรับผลประโยชน์การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในสังกัด ว่านายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 9 (อุบลราชธานี) เปิดเผยว่า ได้เข้าปากคำต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้ร้องและพยาน ซึ่งเป็นผู้ร่วมกับพนักงานสอบสวน นำเงินสด 98,000 บาท ใส่ซองแล้วส่งมอบให้นายรัชฎา เมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 จนนำไปสู่การจับกุม พร้อมหลักฐานเป็นเงินสดที่พบในห้องทำงาน อีกกว่า 4 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์ เปิดเผยด้วยว่า นอกจากนี้ พนักงานสอบสวนกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) จะนำสำนวนและผู้ถูกกล่าวหา ส่งให้ ป.ป.ช.ในคดีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และ เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตามที่มีข่าวว่าพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำข้าราชการตามรายชื่อที่ปรากฏในซองภายในห้องทำงานของอธิบดีกรมอุทยานฯ รวม 21 ซอง โดยสามารถตรวจสอบทราบบุคคลได้ 14 คน ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าของหน่วยงาน และได้สอบปากคำทั้ง 14 คน เรียบร้อยแล้ว มีส่วนหนึ่งให้การว่า ไม่ใช่เงินที่จ่ายเพื่อแลกกับการแต่งตั้งหรือรักษาตำแหน่ง แต่เป็นเงินค่าบูชาบรมรูปจำลอง รัชกาลที่ 5 ค่าสมทบทุนสร้างพระ ซึ่งอธิบดีฯ มีแนวคิดจะสร้างพระ หรือกองทุนสนับสนุนเครือข่ายแก้ปัญหาไฟป่า ก็เป็นสิทธิ์ที่จะทำได้ ไม่ได้กังวลว่าจะทำให้พยานหลักฐานในคดีไม่หนักแน่น แต่หากไม่ได้ให้การตามความเป็นจริง ก็จะเป็นการแจ้งข้อความอันเป็นเท็จต่อพนักงานสอบสวน
นายชัยวัฒน์ กล่าวต่อว่า ได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนไปก่อนหน้านี้แล้ว เกี่ยวกับการจ่ายเงินค่าบูชาพระบรมรูป ที่สำนักบริหารงานกลาง กรมอุทยานฯ เป็นผู้ดำเนินการ ว่าจ่ายองค์ละ 15,000 บาท ด้วยการโอนเงินเข้ากองทุนสวัสดิการกรมอุทยานแห่งชาติฯ ไม่ใช่การนำเงินสดมามอบให้ที่ห้องทำงานของนายรัชฎา อย่างแน่นอน ตลอดจนการโอนของทุกสำนัก รวม 21 สำนัก ปรากฏเป็นเอกสารการโอนเป็นสำคัญซึ่งมอบแก่พนักงานสอบสวน บก.ปปป.แล้ว ดังนั้นเงินค่าบูชาพระบรมรูป รัชกาลที่ 5 จึงไม่เกี่ยวข้องกับเงินสดที่พบในห้องทำงานของอธิบดีฯ หรือเงินเข้ากองทุนสนับสนุนเครือข่ายแก้ปัญหาไฟป่าอย่างแน่นอน
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป.กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับนายรัชฎา ว่าได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.รัชภูมิ กุสุมาลย์ ผกก.1 บก.ปปป.นำสำนวนคดีทั้งหมด 2 แฟ้ม รวมของกลาง 21 รายการ ไปส่งมอบให้กับทาง ป.ป.ช.เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาตามกฎหมายแล้ว โดยขั้นตอนหลังจากนี้ อาจมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยร่วมกันระหว่าง ป.ป.ช. ป.ป.ท.และตำรวจ บก.ปปป.เนื่องจากเป็นคดีที่ละเอียดอ่อน จำเป็นต้องดำเนินการด้วยความรอบคอบ อย่างไรก็ดี จนถึงขณะนี้ก็ยังมั่นใจในพยานหลักฐานว่าจะสามารถเอาผิดได้อย่างแน่นอน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี