วันจันทร์ ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
WHOจับตา‘โรคเอ็กซ์’  ติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน  ระบาดรุนแรงอัฟกานิสถานดับ17

WHOจับตา‘โรคเอ็กซ์’ ติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน ระบาดรุนแรงอัฟกานิสถานดับ17

วันเสาร์ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2566, 06.00 น.
Tag : WHO องค์การอนามัยโลก
  •  

WHOจับตา‘โรคเอ็กซ์’

ติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลัน

ระบาดรุนแรงอัฟกานิสถานดับ17

ศูนย์จีโนมฯ รพ.รามาธิบดี เผยความเคลื่อนไหวขององค์การอนามัยโลก หรือ WHO ที่จับตาใกล้ชิด “โรคเอ็กซ์” หรือโรค “ติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง” ที่กำลังระบาดร้ายแรงในอัฟกานิสถาน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 17 ศพ ติดเชื้ออย่างน้อย 97 คน ด้านสธ.เฝ้าระวังนักท่องเที่ยวเข้าไทยต่อเนื่องเผยยอดติดเชื้อใหม่ลดลงสวนทางกับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาจำนวนมาก หมอธีระยกงานวิจัยและมติคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐอนุมัติใช้วัคซีนสองสายพันธุ์ฉีดให้ปชช.สร้างภุมิคุ้มกันโควิด ลดการระบาด

เมื่อวันที่ 27 มกราคม ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ คณะแพทย์ศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Center for Medical Genomics เกี่ยวกับรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่กำลังเฝ้าติดตามการระบาดของโรคติดเชื้อทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงในหมู่บ้านปามีร์ คาลัน (Pamir Kalan)ในจังหวัดบาดัคชาน (Badakhshan) ของอัฟกานิสถาน


WHOเตือนจับตารับมือ“โรคเอ็กซ์”

ทั้งนี้ WHO กำหนดแผนรับมือภายใต้โค้ดเนมที่เรียกว่า โรคเอ็กซ์ ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อโดยไม่ทราบสาเหตุว่าเป็นจุลชีพหรือไวรัสประเภทใดจำนวน 97 ราย ในหมู่บ้านปามีร์ คาลัน เสียชีวิตแล้ว 17 ราย โดยองค์การอนามัยโลกให้ความช่วยเหลือครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากโรคดังกล่าว โดยเฉพาะผู้สูงอายุและเด็กในหมู่บ้านดังกล่าวที่การเดินทางเข้าถึงลำบาก เนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย หิมะตกหนัก ทำให้ชุดเผชิญเหตุยังไม่สามารถเข้าถึงพื้นที่ได้ แต่ยาและเวชภัณฑ์ถูกส่งไปยังพื้นที่ระบาดล่วงหน้าแล้ว

ศูนย์จีโนมฯเปิดเผยอีกว่า WHO เตรียมแผนรับมือโรคเอ็กซ์ (disease X) ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 สำหรับ “โรคเอ็กซ์” หมายถึงโรคติดเชื้อจากบรรดาจุลชีพหรือไวรัสก่อโรคที่เราไม่รู้จัก หรือยังรู้จักไม่เพียงพอ ซึ่งมีศักยภาพทำให้เกิดโรคระบาดร้ายแรงระหว่างประเทศได้ WHO เร่งอัปเดตรายชื่อเชื้อโรคสำคัญที่สามารถทำให้เกิดการระบาดและโรคระบาดทั่วโลก และประเทศต่างๆควรเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด โดย WHO ได้รวม“โรคเอ็กซ์” ไว้ในรายการด้วย

เปิดบัญชีเชื้อโรคที่ทุกปท.ควรเฝ้าระวัง

สำหรับรายชื่อโรคหรือเชื้อโรคที่องค์การอนามัยโลกได้ปรับปรุงไว้ในบัญชีโรค ที่ประเทศต่างๆควรเฝ้าระวังใกล้ชิด ประกอบด้วย โควิด-19 ไข้เลือดออกไครเมียคอง โรคไวรัสอีโบลาและโรคไวรัสมาร์บวร์ก, ไข้ลาสซา โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง (MERS) และ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (SARS), โรคนิปาห์และโรคเฮนิปาไวรัส ไข้ริฟต์วัลเลย์, ซิกา และโรคเอ็กซ์ ทั้งนี้ WHO กำลังเร่งปรับปรุงรายชื่อเพื่อเป็นแนวทางให้ทั่วโลกทั้งภาครัฐ เอกชน และ NGO ร่วมกันลงทุนด้านวิจัยและพัฒนาด้านวัคซีน แนวทางการรักษา เพื่อจะผลิตภัณฑ์ใช้ได้ทันเมื่อเกิดการระบาด

ศูนย์จีโนมฯเร่งถอดรหัส DNA

ในส่วนศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดีเตรียมพร้อมถอดรหัสพันธุ์จาก ทั้งดีเอ็นเอ และ อาร์เอ็นเอ ที่สกัดได้จากสิ่งส่งตรวจประเภทต่างๆ จากผู้ติดเชื้อที่คาดว่าเป็น“โรคเอ็กซ์” รวมทั้งจากสิ่งแวดล้อม จากนั้นนำมาวิเคราะห์ เพื่อหาว่าเป็นจุลชีพหรือไวรัสสายพันธุ์ใดจากสิ่งส่งตรวจให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งสัปดาห์ เพื่อตอบโจทย์ของโรคเอ็กซ์

สธ.จับตาโควิดชี้ติดเชื้อลดต่อเนื่อง

ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงมาตรการรับมือนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทยเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนว่า กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ซึ่งเป็นหน่วยงานรับผิดชอบ ตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ได้ติดตามโควิด-19 อย่างใกล้ชิด เพื่อมีข้อมูลนำไปสู่การบริหารจัดการที่เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ โดยกรมควบคุมโรครายงานข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ ในประเทศยังลดลง สวนทางกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

ป่วยใหม่สวนทางยอดนทท.มาไทย

น.ส.ไตรศุลีกล่าวต่อว่า กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุข้อมูลนักท่องเที่ยวล่าสุดว่าตั้งแต่วันที่ 1-21 มกราคมมีต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยแล้ว 1,342,365 คน โดย 5 อันดับแรก ได้แก่ นักท่องเที่ยวจากรัสเซีย 143,580 คน มาเลเซีย 138,737 คน เกาหลีใต้ 111,522 คน อินเดีย 68,609 คนและลาว 56,517 คนตามลำดับ ขณะที่ระหว่างวันที่ 15–21 มกราคม สัปดาห์ที่ 3 ของปี 2566 ในการายงานสถานการณ์โควิดพบมีจำนวนผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 627 ราย เฉลี่ยวันละ 90 ราย ลดลงจากสัปดาห์ที่ 2 ระหว่างวันที่ 8-14 มกราคม ที่มีผู้ป่วยใหม่ 969 คน เฉลี่ยวันละ 138 คน ขณะที่ผู้เสียชีวิตตลอดสัปดาห์อยู่ที่ 44 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าที่เสียชีวิต 65 ราย

2สัปดาห์แรกเจอนทท.ติดเชื้อ8คน

รองโฆษกรัฐบาลยังให้ข้อมูลอีกว่า เฉพาะชาวต่างชาติทุกสัญชาติที่มาจากต่างประเทศ ตั้งแต่วันที่ 8-21 มกราคม พบผู้ติดเชื้อ 8 คน มีอาการต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล 1 คน ที่เหลือส่วนใหญ่ ไม่มีอาการ ส่วนสัญชาติที่ตรวจพบเชื้อ อันดับ 1 คือ จีน 3 คน เมียนมา กัมพูชา ญี่ปุ่น อังกฤษ และเกาหลีใต้ ประเทศละละ 1 คน และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ซึ่งเฝ้าติดตามสายพันธุ์โควิดได้รายงานว่า สายพันธุ์ที่พบในไทยขณะนี้ ร้อยละ 86 คือ สายพันธุ์โอมิครอน BA.2.75 ส่วนที่เหลือ เป็นสายพันธุ์อื่นที่เคยพบในต่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดและผู้เสียชีวิตจะลดลง รัฐบาลยังสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนเพื่อเพิ่มภูมิคุ้มกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมเชิญชวนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนป้องกันโควิดเข็มกระตุ้นที่สถานพยาบาลหรือจุดบริการวัคซีนใกล้บ้าน และสวมหน้ากากอนามัยเมื่อไปในสถานที่แออัด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน

มะกันไฟเขียวใช้วัคซีน2สายพันธุ์สู้โควิด

ขณะที่ รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ครายงานสถานการณ์ระบาดโควิดทั่วโลกรายวันว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อเพิ่ม 147,330 คน ตาย 744 คน รวมแล้วติดเชื้อสะสม 674,168,661 คน เสียชีวิตสะสม 6,753,161 คน โดย 5 ประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกาและรัสเซีย

รศ.นพ.ธีระยังระบุถึงความคืบหน้าการใช้วัคซีนสองสายพันธุ์ในต่างประเทศด้วยว่า ที่ประชุม US FDA เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ซึ่งหารือแผนการให้วัคซีนแก่ระชาชนของคณะกรรมการ VRBPAC มีมติเห็นด้วยกับการใช้วัคซีนแบบ Bivalent หรือวัคซีนสองสายพันธุ์ คือ สายพันธุ์ดั้งเดิมร่วมกับสายพันธุ์ BA.4/5 เป็นองค์ประกอบหลักสำหรับวัคซีนที่ให้ประชาชนในอเมริกา โดยจะใช้แทนวัคซีนรุ่นดั้งเดิมตั้งแต่เข็มแรกไปจนถึงเข็มกระตุ้น สะท้อนว่าสหรัฐฯจะใช้วัคซีนสองสายพันธุ์เป็นเครื่องมือป้องกันหลักในการควบคุมการระบาดของโควิด-19 และจะพัฒนาปรับปรุงวัคซีนตามสายพันธุ์ย่อยให้เหมาะสมกับสายพันธุ์ที่กำลังระบาด

ลดป่วยหนักได้16เท่า-ลดตาย13เท่า

ทั้งนี้ ในที่ประชุม US FDA เสนอข้อมูลที่บ่งชี้ด้วยว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีน Bivalentสามารถลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 16 เท่า ลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 13 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีน และคนที่ได้วัคซีน Bivalent ลดเสี่ยงป่วยรุนแรงได้ 3 เท่า และลดเสี่ยงเสียชีวิตได้ 2 เท่า เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนแต่ไม่ได้รับวัคซีน Bivalent เป็นเข็มกระตุ้น นอกจากนี้ ในการประชุมยังหารือแนวทางฉีดวัคซีนในอนาคต แต่ยังไม่ได้ข้อสรุป

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • WHO ประกาศ\'อหิวาตกโรค\'เป็นภาวะฉุกเฉินใหญ่ ไทยยันควบคุมได้แล้วไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม WHO ประกาศ'อหิวาตกโรค'เป็นภาวะฉุกเฉินใหญ่ ไทยยันควบคุมได้แล้วไม่มีผู้ป่วยเพิ่ม
  • \'วันเอดส์โลก\'ชูธงลดการตีตรา-เพิ่มทางเลือก ไทยตั้งเป้ายุติเอดส์ภายในปี73 'วันเอดส์โลก'ชูธงลดการตีตรา-เพิ่มทางเลือก ไทยตั้งเป้ายุติเอดส์ภายในปี73
  • WHOผวาฝีดาษลิง  ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับโลก WHOผวาฝีดาษลิง ประกาศภาวะฉุกเฉินระดับโลก
  •  

Breaking News

เยียวยาจิตใจจากไฟสงคราม! ‘David’s Circle’พื้นที่ฟื้นฟูของชาวอิสราเอลในไทย

ปักหมุด 13 พ.ค.นี้ ‘เพื่อไทย’เปิดตัวโครงการใหม่‘Pheu Thai YPP’

ผบ.ตร.สั่งฟันเด็ดขาด! เหตุทำร้าย'ตำรวจ'ภายในหน่วยเลือกตั้ง จ.สงขลา

เช็คผลที่นี่!!! 'เลือกตั้งเทศบาล'ส่วนใหญ่แชมป์เก่าคว้าชัย

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved