ฎีกาสั่งประหารรวด 3  แก๊งตร.-ทหาร ลูกน้องอดีตผกก.บ้านโป่ง อุ้มฆ่า  สาวหล่อ มารหัวใจ อดีตผกก. มาติดพันสาว สวย ก่อนที่แก๊งทมิฬอุ้มขึ้นกระบะ ฆ่าอุดจมูกจนตายนำศพฝังดินโบกปูนทับในรีสอร์ท เมืองกาญจ์ ปี 2559 

วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566  เมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาตลิ่งชัน ถ.เลียบทางรถไฟ ศาลอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีที่ พนักงานอัยการคดีอาญาตลิ่งชัน  นางสมพิศ ตรัยจันแดง นายบุญชู พลไธสง ร่วมกันเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ร.ท.ชัยยุทธ หรือจบ เบ็ญจชาติ อายุ 47 ปี อดีตทหารสังกัด พล.ร.9 , ด.ต.สามารถ หรือจ่ามาศ แสงสิน อายุ 54 ปี อดีตตำรวจ สภ.เมืองกาญจนบุรี , จ.ส.อ.ภาณุเมศวร์ หรือจิ๋ว มีลา อายุ 38 ปี อดีตทหารสังกัดกองพันทหารช่างแห่งหนึ่ง  เป็นจำเลยที่ 1-3  ในความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและร่วมกันซ่อนเร้นอำพรางศพ

โดยฟ้องโจทก์สรุปความว่า เมื่อระหว่างเดือนพ.ย.-13 ธ.ค. 2559 ต่อเนื่องกัน จำเลยทั้งสาม ร่วมกับ นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง, นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์, น.ส.กรรณิการ์ หรือดาว กรุมรัมย์, พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี, และนายสนอง หรือหนอง สมสิทธิ์ จำเลยที่ 1-5 ในคดีหมายเลขดำที่ อ.13752/2560 ของศาลอาญาตลิ่งชัน กับพวกที่หลบหนีร่วมกันกระทำความผิดกล่าวคือ พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง ร่วมกันจ้างวาน ยุยง ส่งเสริมให้ จำเลยทั้งสามในคดีนี้ร่วมกันกระทำผิดด้วยการข่มขืนใจบังคับเอาตัว น.ส.สุภัคสรณ์ หรือหญิง พลไธสง ผู้ตาย สาวหล่อซึ่งมีลักษณะนิสัยเป็นเพศชาย  ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังและบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทางการเงินกับ น.ส.กรรณิกา ให้แก่พวกจำเลย

ต่อมาวันที่ 13 ธ.ค.59 เวลากลางคืนหลังเที่ยงคืน จำเลยทั้งสาม กับพวกได้แบ่งหน้าที่กันทำโดยใช้กำลังประทุษร้าย ฉุด ลาก ดึง เอาตัวผู้ตายขึ้นรถกระบะ ไปหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้ตายไว้ตาม
อาคารต่างๆใน จ.กาญจนบุรี และบังคับให้ผู้ตายเลิกมีความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวและทางการเงินกับน.ส.กรรณิกา โดยมี พ.ต.อ.อำนวย และนายสนอง เป็นผู้ใช้จ้างวาน

ต่อมาผู้ตายขัดขืนทำให้จำเลยทั้งสามกับพวก มีเจตนาฆ่าผู้ตายให้ถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ด้วยการใช้มือหรือวัตถุอื่นใดอุดกั้นไม่ให้ผู้ตายหายใจได้ จนเป็นสาเหตุให้ผู้ตายขาดอากาศหายใจจนถึงแก่ความตาย แล้วนำศพไปฝังในหลุมที่ขุดเตรียมไว้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งในจ.กาญจบุรี ก่อนนำตะแกรงมาวางปิดไว้แล้วใช้ปูนซีเมนต์โบก ทับ เพื่อปิดบัง อำพรางสาเหตุการตาย จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธโดยตลอด 

คดีนี้ศาลอาญาตลิ่งชันพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องจริง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรม ฐานร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังจำคุกคนละ 3 ปี ฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งเป็นบทหนักสุด ลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสาม ฐานซ่อนเร้น อำพรางศพจำคุกคนละ 1 ปี แต่เมื่อลงโทษทุกกระทงแล้ว คงลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว กับให้จำเลยทั้งสาม ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 1,674,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.60 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น  จำเลยทั้งสามยื่นอุทธรณ์ 

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นบางส่วน แต่ความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนพิพากษายืนลงโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสามสถานเดียว และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยให้กับโจทก์ร่วม 

จำเลยทั้งสามยื่นฎีกาอีก

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย พิพากษายืน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก สวยทอง, นายภูมิทัศน์ หรือ อุ๋ม พิบูรณ์สวัสดิ์ , น.ส.กรรณิกา หรือดาว กรุมรัมย์  พ.ต.อ.อำนวย พงษ์สวัสดิ์ อดีต ผกก.สภ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี และนายสนองหรือกำนันหนอง สมสิทธิ์ กำนัน ต.ลาดบัวขาว อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเดียวกันนั้น

เมื่อวันที่ 31 ก.ค.62 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันกระทำความผิดตามฟ้องจริง พิพากษาประหารชีวิตนายนิวัฒน์ หรือโจ๊ก จำเลยที่ 1 และ นายภูมิทัศน์ หรืออุ๋ม จำเลยที่ 2 สถานเดียว ส่วน พ.ต.อ.อำนวย จำเลยที่ 4 ให้จำคุก 15 ปี ส่วน นายสนอง หรือ กำนันหนอง จำเลยที่ 5 ลงโทษจำคุก 10 ปี รวมทั้งให้จำเลยที่ 1,2,4,5 ร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ญาติของผู้เสียชีวิต โจทก์ร่วมที่ 1 ด้วยเป็นเงิน 2,790,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้นนั้น นับตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค.2560 ซึ่งเป็นวันกระทำละเมิดเป็นต้นไป

ส่วน น.ส.กรรณิกา หรือดาว จำเลยที่ 3 ศาลพิพากษายกฟ้อง  เนื่องจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่เพียงพอ