ตำรวจปคบ.ส่งสำนวนถึงอัยการ
ชงฟ้อง‘นอท’
ปมขายลอตเตอรี่เกินราคา
DSIจ่อเรียก‘แทนไท’สอบ
พัวพันเส้นทางเงิน‘นอท’
ตำรวจ ปคบ.ส่งสำนวน “กองสลากพลัส” ขายลอตเตอรี่เกินราคา พร้อมเห็นควร สั่งฟ้อง “นอท กองสลากพลัส”ให้อัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี พิจารณาสั่งฟ้อง ซึ่งอัยการนัดฟังการสั่งคดี 24 กุมภาพันธ์นี้ ด้าน “นอท” ยืนยันเสียงแข็ง ไม่ได้ขายลอตเตอรี่เกินราคา ขณะที่ดีเอสไอ
เตรียมออกหมายเรียก“แทนไท”สอบปากคำในฐานะพยาน ปลาย กุมภาพันธ์นี้ เหตุเส้นทางการเงินพัวพัน “นอท” ทำธุรกิจร่วมกันมานาน ให้แจงปมเงินหลักร้อยล้านบาท แถมก่อนถูกอายัดบัญชี 2 วัน “ซีอีโอ กองสลากพลัส” ยังโอนเงินให้’แทนไท’อีกด้วย
เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ที่สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี จ.นนทบุรี พ.ต.อ.ไกรวิศท์ แสนทวีสุข ผกก.1 บก.ปคบ. และพนักงานสอบสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ บก.ปคบ. ได้นำ นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส ผู้บริหาร บริษัท ลอตเตอรี่ออนไลน์ จำกัด หรือกองสลากพลัส พร้อมความเห็นสมควรสั่งฟ้องและพยานหลักฐาน จำนวน 2 ลัง 9 แฟ้ม คดีร่วมกันเสนอขายและจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลที่ยังไม่ออกรางวัลเกินราคากว่าที่กฎหมายกำหนด มามอบให้กับพนักงานอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรี พิจารณา
โดย พ.ต.อ.ไกรวิศท์ เปิดเผยว่า กรณีที่สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลได้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ต้องหากับพนักงานสอบสืบสวนสอบสวน ปคบ.ข้อหาจำหน่ายสลากเกินราคานั้น โดยการสอบสวน และรวบรวมพยานหลักฐานได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ และพนักงานสอบสวนไม่สามารถเปรียบเทียบปรับในชั้นสอบสวนได้ จึงได้สรุปสำนวนพร้อมความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาให้กับอัยการพิจารณา โดยในสำนวนประกอบด้วยพยานหลักฐานที่เจ้าหน้าที่สามารถเข้าไปซื้อสลากเกินราคาก่อนออกรางวัลได้ 108 ฉบับ หลักฐานการโอนเงิน, หลักฐานจากการสืบสวน, ซึ่งมีการจำหน่ายสลากเกินราคาจริงในช่วงราคาที่ไม่เท่ากัน เช่น สลาก 2 ใบจะบวกเพิ่ม 38 บาท มากกว่า 3 ใบจะบวกเพิ่มมากกว่านั้น
ส่วนกรณีที่ผู้ต้องหาอ้างว่า เป็นค่าดำเนินการ และเป็นความสมัครใจของผู้ซื้อนั้น เป็นข้อต่อสู้ของผู้ต้องหา แต่การซื้อลากกินแบ่งมีกฎหมายเฉพาะกำหนดไว้ใน พ.ร.บ.สลากกินแบ่งฯ อยู่แล้ว จึงต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของอัยการและพนักงานสอบสวน
พ.ต.อ.ไกรวิศท์ เปิดเผยอีกว่า สำนวนที่ส่งให้อัยการวันนี้ เป็นสำนวนของ บก.ปคบ.1 เฉพาะที่เกี่ยวกับการจำหน่ายสลากกินแบ่งฯ เกินราคา ส่วนความผิดตาม พ.ร.บ.ขายตรงฯเป็นอีกสำนวนหนึ่งที่ดำเนินการโดย บก.ปคบ. 2 นอกจากนี้ยังมีการร้องเรียนแพลตฟอร์มอื่นที่จำหน่ายสลากเกินราคาในลักษณะเดียวกันอีก และจะดำเนินการในเร็ว ๆ นี้
ทั้งนี้ สำนักงานอัยการคดีศาลแขวงนนทบุรีได้นัดฟังคำสั่งจะยื่นฟ้องผู้ต้องหาหรือไม่วันที่ 24 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น. ส่วนสำนวนคดีที่เกี่ยวกับ พ.ร.บ.ขายตรงนั้น คาดว่าจะส่งสำนวนให้กับพนักงานคดีอาญา ถ.รัชดาภิเษก ได้ในสัปดาห์หน้า
ด้าน นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ เปิดเผยภายหลังว่า ตนยังคงปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และยืนยันว่าตนเองไม่ได้จำหน่ายสลากเกินราคา ส่วนการจำหน่ายสลากผ่านแพลตฟอร์มนั้นยังปิดให้บริการต่อไปจนกว่าจะคดีความจะเสร็จสิ้น พร้อมยังยืนยันว่าไม่เคยฟอกเงินให้ใคร
สำหรับความคืบหน้ากรณีที่ศูนย์คดียาเสพติด ภายใต้การกำกับของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ ได้ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและขยายผลเกี่ยวกับขบวนการฟอกเงิน การจัดให้มีการเล่นการพนัน จนออกหมายเรียก นายพันธ์ธวัช นาควิสุทธิ์ หรือ นอท กองสลากพลัส เนื่องจากพบความเชื่อมโยงพัวพันในส่วนของเส้นทางการเงินตั้งแต่หลักสิบล้านบาทไปจนถึงหลายพันล้านบาท จนแบ่งเป็นคดีพิเศษ 2 คดี ได้แก่ คดีพิเศษที่ 288/2565 ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน เนื่องมาจากนายพันธ์ธวัช ได้นำสลากที่ถูกรางวัลให้กับนายอรรถกานต์ หรือ นาย อ. นำไปขึ้นเงินและโอนเข้าบัญชีจำนวน 53 ล้านบาท เล็งเห็นว่าร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน
นอกจากนี้ ยังมีคดีพิเศษที่ 6/2566 นายพันธ์ธวัชถูกแจ้งข้อหาร่วมกันฟอกเงิน และข้อหาจัดให้มีการเล่นการพนัน โดยพบว่ามีเส้นทางการเงินกว่า 39 รายการ รวมจำนวนเงินกว่า 1,090 ล้านบาท จากบรรดานายทุนไทยเทาที่เข้ามาร่วมลงทุนจำหน่ายสลากกินแบ่งออนไลน์กับกองสลากพลัสนั้น
ล่าสุด แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงยุติธรรม เผยว่า ตนได้รับรายงานว่าดีเอสไอได้มีการประสานกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน( ปปง.) เพื่อตรวจสอบเกี่ยวกับเส้นทางการเงินที่เชื่อมโยงกับนายพันธ์ธวัช ทั้งลักษณะการทำธุรกรรมรับเงินและโอนเงิน ซึ่งในบรรดาบัญชีธนาคารออมทรัพย์ทั้ง 8 บัญชีต้องสงสัยที่ดีเอสไอได้อายัดไว้นั้น พบว่ามีบางส่วนได้มีการทำธุรกรรมทางการเงินกับ นายแทนไท ณรงค์กูล ซึ่งเป็นเส้นทางการเงินที่ผิดปกติน่าสงสัย ทางดีเอสไอจึงได้ออกหมายเรียกให้นายแทนไท เข้าให้การชี้แจงกับพนักงานสอบสวนคดีพิเศษในฐานะพยานในเร็วๆ นี้หรือประมาณปลายเดือนก.พ.นี้
“พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ตั้งข้อสงสัยถึงพฤติการณ์ที่ผิดปกติเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินระหว่างนายพันธ์ธวัชและนายแทนไท ว่าจากการที่ ปปง.ได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเงินของทั้งคู่ ปรากฏว่าไม่พบเงินจำนวนเงินหลักร้อยล้านบาทดังกล่าวออกจากบัญชีของนายแทนไท แต่กลับพบว่ามีเงินจำนวนหลักร้อยล้านบาทได้ฝากเงินผ่านเคาน์เตอร์ธนาคารเข้าบัญชีธนาคารออมทรัพย์ของนายพันธ์ธวัช ต่อจากนั้นเงินก้อนนี้ได้ถูกโอนออกไปยังบัญชีธนาคารของนายแทนไท ดังนั้นดีเอสไอจึงเล็งเห็นว่าลักษณะเช่นนี้ เป็นการปิดบังอำพรางแหล่งที่มาของเงินหรือไม่ หรือกล่าวอีกนัย คือ ร่วมกันสร้างเส้นทางการเงิน จึงต้องออกหมายเรียกครั้งที่ 1 ให้นายแทนไทมาชี้แจง”
แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ทางดีเอสไอยังได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานมาอย่างต่อเนื่องจนพบว่าทั้งคู่มีการลงทุนทำธุรกิจร่วมกันมานาน โดยหลักฐานที่พบ คือ สัญญาการร่วมทุนจำหน่ายสลากลอตเตอรี่ออนไลน์ เป็นต้น แต่กลับไม่เคยพบเส้นเงินจากนายแทนไท เข้าไปหานายพันธ์ธวัช นอกจากนี้ ยังมีพยานหลักฐานจากทางธนาคารปรากฏว่ามีการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของนายพันธ์ธวัชไปยังบัญชีนายแทนไท ในช่วง 2 วันก่อนที่นายพันธ์ธวัช จะถูกอายัด ซึ่งนายแทนไท อาจจะถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี