"แอมเนสตี้" พร้อมด้วย "สมยศ"ร้องกระทรวงยุติธรรม ขอให้ยุติการเลื่อนบังคับ ม.22-25 พ.ร.บ.อุ้มหาย-ทรมาน หลัง สตช.ระบุ งบและอุปกรณ์ไม่พร้อม ชี้เสี่ยงกระทบสิทธิประชาชน
สืบเนื่องจากกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ.2565 พ.ศ. .... ซึ่งเป็นการแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 ขยายกำหนดเวลาในการมีผลใช้บังคับเฉพาะมาตรา 22 มาตรา 23 มาตรา 24 และมาตรา 25 ออกไป ให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. เป็นต้นไปนั้น (จากเดิมที่เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.)
วันนี้(21 ก.พ.66) ที่กระทรวงยุติธรรม ถ.แจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ แอมเนสตี้ ประเทศไทย นำโดยนางปิยนุช โคตรสาร ผอ.แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และอดีตจำเลยในคดีอาญามาตรา 112 รวมถึงตัวแทนผู้เสียหาย ร่วมกันเข้ายื่นหนังสือและข้อเรียกร้องต่อนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เพื่อให้ยุติการเลื่อน พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและอุ้มหายออกไป โดยมีนายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และ น.ส.นรีลักษณ์ แพไชยภูมิ ผอ.กองสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ เป็นตัวแทนรับเรื่อง
โดยนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาในฐานะที่เคยถูกจับกุม และถูกจับไปทรมานในค่ายทหารถูกล่ามโซ่ระหว่างถูกดำเนินคดีในมาตรา 112 วันนี้จึงต้องการบอกว่าการที่ ครม. เลื่อนบังคับใช้มาตรา 22-25 ออกไปเป็นวันที่ 1 ต.ค.นี้จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะและประชาชนที่ถูกกล่าวหาทางการเมือง การเลื่อนโดยอ้างถึงความไม่พร้อมในงบประมาณหรืออุปกรณ์ ตรงนี้ไม่สามารถยอมรับได้ด้วยเหตุและผล โดยการเลื่อนบังคับใช้มาตรา 22-25 เช่นนี้ ตำรวจไทยมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่กับการกระทำการทรมาน การอุ้มหายในอดีต เเละเวลาที่ถูกเลื่อนไป 6 เดือนจะทำให้ผู้ถูกกล่าวหาสูญเสียอิสรภาพหรือไม่ เพราะหลายๆหน่วยงานก็พร้อมปฏิบัติตามพ.ร.บ. เช่น อัยการสูงสุด เพราะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับ พ.ร.บ.ฉบับนี้ ทราบล่วงหน้าว่าจะมีผลบังคับใช้ ดังนั้น การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม เห็นคล้อยให้มีการเลื่อนบังคับใช้มาตรา 22-25 ถือเป็นการไม่สมควร เพราะกระทรวงยุติธรรมเป็นส่วนสำคัญผลักดันให้มี พ.ร.บ.ฉบับนี้ และจะมั่นใจได้อย่างไรว่าระหว่างนี้จะไม่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่กระทำการทรมานหรือซ้อมทรมานผู้ต้องหา
ด้าน นางปิยนุช ผอ.แอมเนสตี้ เปิดเผยว่า สำหรับ 3 ข้อเรียกร้องหลัก คือ 1.ขอให้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ทั้งฉบับ โดยไม่ยกเว้นบางมาตรา 2.ขอให้ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการปฏิบัติตาม พ.ร.บ.และต้องติดตามการปฏิบัติงานของหน่วยงานนั้นๆ ดำเนินการให้สอดคล้องกับมาตรฐานสิทธิมนุษยชน และ 3.การบังคับใช้จะต้องมีการประกาศ สื่อสารกับสังคมถึงกลไกลมาตรการและสิทธิที่ประชาชนที่จะได้รับภายใต้กฎหมาย เพื่อให้คนที่ได้รับกระทบได้เข้าถึงความยุติธรรมและได้ใช้กฎหมายตัวนี้ เพื่อคุ้มครองเติมเต็มสิทธิของประชาชน ขออย่าอ้างเรื่องใดๆ
ขณะที่นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ระบุว่า ในนามของกระทรวงยุติธรรม ตนขอขอบคุณภาคประชาชนและองค์กรแอมเนสตี้ เพราะเราได้ร่วมกันขับเคลื่อนผลักดัน พ.ร.บ.ฉบับนี้มากกว่า 10 ปี กว่าจะได้ออกมาบังคับใช้ ดังนั้น สิ่งที่ภาคประชาชนสะท้อนออกมาก็อยู่ในใจของพวกเรา โดยตนจะนำข้อเรียกร้องไปเสนอต่อท่านสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้ยกเลิกทั้งฉบับ โดยยังบังคับใช้ในวันที่ 22 ก.พ.เช่นเดิม เพียงแต่เว้นการบังคับใช้มาตรา 22-25 ออกไปก่อน ซึ่งเป็นเรื่องของการบันทึกภาพและเสียงของเจ้าหน้าที่ขณะจับกุม ควบคุมตัว โดยให้เหตุผลว่ายังไม่มีความพร้อมเรื่องอุปกรณ์ แต่ในวันที่ 1 ต.ค.66 พ.ร.บ.ฉบับนี้จะมีการบังคับใช้อย่างสมบูรณ์
นายเกิดโชค ระบุอีกว่า หากระหว่างนี้จนถึงวันที่ 1 ต.ค. เจ้าหน้าที่มีการกระทำทรมาน กระทำให้สูญหาย ก็จะมีความผิดตามอาญาอยู่แล้ว อีกทั้งกระทรวงยุติธรรมจะมีการตั้งจุดรับเรื่องราวร้องทุกข์ เพื่อให้ประชาชนสามารถยื่นเรื่อง ติดตามเรื่อง เสนอเรื่องได้ อย่างไรก็ตาม หากในช่วงระหว่างจนถึงวันที่ 1 ต.ค. นี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีอำนาจในการจับกุมตัว ควบคุมตัวผู้ต้องหาก็สามารถใช้โทรศัพท์มือถือในการบันทึกภาพและบันทึกเสียงได้ แต่เพียงแค่ว่าหากไม่ดำเนินการก็ไม่ได้มีความผิด ยืนยันว่าการละเว้นมาตรา 22-25 ไม่ได้กระทบต่อเนื้อหาหลักภายใน พ.ร.บ.ฯ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม.อนุมัติกว่า 400 ล้านให้ ตร.ซื้อกล้องติดบนตัว รองรับพรบ.อุ้มหายฯมีผล 22 ก.พ.นี้)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี