ฟันอดีตรองเลขาฯปปช.
จำคุก4เดือน‘ประหยัด พวงจำปา’
จงใจแจ้งบัญชีทรัพย์สินเป็นเท็จ
ศาลฎีกาฯนักการเมืองสั่งจำคุก 4 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท“ประหยัดพวงจำปา” อดีตรองเลขาฯป.ป.ช. จงใจแสดงบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเป็นเท็จ ห้ามดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐอีก 5 ปี แต่ไม่เคยทำผิดรับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี
เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง ศาลอ่านคำพิพากษาคดีแจ้งทรัพย์สินอันเป็นเท็จหมายเลขดำ อม.1/2564 ที่อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้องนายประหยัด พวงจำปา อดีตรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นจำเลยฐานแสดงบัญชีทรัพย์สิน-หนี้สินและเอกสารต่อป.ป.ช. อันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงในการเข้ารับตำแหน่ง
กรณีที่นายประหยัดเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2560 แล้วแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงอันควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์ควรเชื่อได้ว่า มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สิน 6 รายการ ซึ่งเป็นทรัพย์สินและหนี้สินในชื่อนางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส เป็นทรัพย์สินในประเทศ 2 รายการ รวม 2,010,000 บาท และทรัพย์สินในต่างประเทศ 4 รายการ รวม 225,383,103 บาท มูลค่ารวม 227,393,103 บาท ตามพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ (พรป.) ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติชี้มูลความผิดแล้วส่งสำนวนสอบสวนให้อัยการสูงสุด (อสส.)นำคดียื่นฟ้องต่อศาล นายประหยัดให้การปฏิเสธ
ศาลฎีกาฯพิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยดำรงตำแหน่งรอง เลขาธิการป.ป.ช. มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.โดยไม่จำต้องส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภาพิจารณาก่อนให้อัยการสูงสุดฟ้องคดี การออกระเบียบคณะกรรมการป.ป.ช.ว่าด้วยการยื่น บัญชี การตรวจสอบทรัพย์สินและหนี้สินของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 158 และการดำเนินคดีเกี่ยวกับการยื่นบัญชี พ.ศ. 2561 สอดคล้องกับบทบัญญัติของกฎหมาย เมื่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้รับหนังสือแจ้งเบาะแสจากสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินและได้รับข้อมูลจากสำนัก ตรวจสอบทรัพย์สินภาครัฐและรัฐวิสาหกิจว่า นางธนิภา คู่สมรส ต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการฟอกเงินถือว่า มีพฤติการณ์ ที่ทำให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินหรือการได้มาซึ่งทรัพย์สินและหนี้สินนั้น โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้โอกาสจำเลยยื่นเอกสารหลักฐานประกอบการชี้แจง ข้อเท็จจริงใหม่เพิ่มเติมและพิจารณาเรื่องที่จำเลยร้องขอความเป็นธรรม ถือว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้โอกาสจำเลยพอสมควรแล้วมิได้ดำเนินการอย่างรวบรัด การไต่สวนและตรวจสอบทรัพย์สินของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
สำหรับทรัพย์สินที่จำเลยไม่แสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน รายการบัญชีเงินฝาก ธนาคารกสิกรไทย จํากัด (มหาชน) สาขาเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ประเภทกระแสรายวันชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจำปา คู่สมรส นางธนิภามีคำขอผูกบัญชีเงินฝากกระแสรายวันเข้ากับบัญชีเงิน ฝากออมทรัพย์ ทั้งรายการเดินบัญชีเงินฝากทั้งสองบัญชีปรากฏเงินที่โอนเข้าบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทุกรายการถูกโอนมาจากบัญชีเงินฝากออมทรัพย์เพื่อชำระหนี้ตามเช็ค ยอดเงินที่ เคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันทุกรายการปรากฏในบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ที่ได้ผูกกันไว้บัญชีเงินฝากกระแสรายวัน เปิดมานานเกือบ 10 ปี เพื่อทำธุรกรรมของกิจการภายในหมู่พี่น้องของนางธนิภา ก่อนที่จำเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน โดยไม่ปรากฏว่าจำเลยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการดำเนินกิจการดังกล่าว ทั้งยอดเงินในบัญชีเงินฝากกระแสรายวันก็มีเป็นจำนวนน้อย และจำเลยแสดงบัญชีเงิน ฝากออมทรัพย์ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. แล้ว จำเลยจึงไม่มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินส่วนนี้
ส่วนเงินลงทุนของนางธนิภาในบริษัทปาล์ม บีช คอร์ปอเรชั่น จำกัด ขณะที่จำเลยมีหน้าที่ ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน ไม่ปรากฏชื่อนางธนิภาเป็นผู้ถือหุ้น ส่วนการมีชื่อนางธนิภาในบัญชี รายชื่อผู้ถือหุ้นก่อนและหลังวันที่จำเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินนั้น ปรากฏว่า บริษัทดังกล่าวไม่ได้ประกอบกิจการ มีผลขาดทุนมาตลอด และไม่มีการจ่ายเงินปันผล นางธนิภาไม่ได้เข้า ไปมีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินกิจการหรือได้รับผลประโยชน์ในบริษัทดังกล่าว ไม่มีมูลเหตุให้จำเลยต้อง ปกปิดการเป็นผู้ถือหุ้นของนางธนิภา เชื่อว่าจำเลยไม่ทราบถึงการเป็นผู้ถือหุ้นของนางธนิภาในบริษัทดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินส่วนนี้
สำหรับบัญชีเงินฝากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาลอนดอน สหราชอาณาจักร ประเภทกระแสรายวัน ประเภท Deposit Call Account ประเภท Deposit Call Account เลขที่บัญชี ชื่อบัญชี นางธนิภา พวงจําปา และห้องชุดเลขที่ 68 ในอาคารชุด Wolfe House m89Kensington High Street ลอนดอน สหราชอาณาจักร มีชื่อนางธนิภา พวงจำปา เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ โดยกู้เงินจากธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาลอนดอน นางธนิภาเป็นผู้ริเริ่มติดต่อขอกู้ยืมเงินกับธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) สาขาลอนดอน และเปิดบัญชีเงินฝากทั้งสามบัญชีดังกล่าวด้วยตนเอง เป็นผู้ทำสัญญาในฐานะผู้กู้เพื่อซื้อห้องชุดเป็นผู้จ่ายเงินค่าจอง เงินผ่อนชำระเงิน และรับโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด นางธนิภาจึงเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุด ทั้งแจ้งเรื่องการขายห้องชุดให้นายโรเบิร์ต ลี (Mr.Robert Man Fa Li) อีกทั้งเป็นผู้แจ้งปิดบัญชีและไถ่ถอนจำนอง นางธนิภาย่อมทราบดีว่า วันที่จำเลยมีหน้าที่ยื่นบัญชีแสดง รายการทรัพย์สินและหนี้สิน กรรมสิทธิ์ในห้องชุดยังเป็นชื่อของนางธนิภา เมื่อห้องชุดดังกล่าวมีมูลค่าสูงมาก เมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าทรัพย์สินและหนี้สินที่จำเลยแสดงไว้ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
จำเลยดำรงตำแหน่งข้าราชการระดับผู้บริหารของสำนักงาน ป.ป.ช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการยื่น บัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยตรง และรู้อยู่ก่อนแล้วเกี่ยวกับการมีกรรมสิทธิ์ในห้องชุดของคู่สมรสควรต้องตรวจสอบการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดดังกล่าวว่ามีผลทางกฎหมายแล้วหรือไม่อย่างไรและย่อมต้องทราบว่านางธนิภายังเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ห้องชุดและมีบัญชีเงินฝากเงินกู้ขณะจำเลยยื่นบัญชีฯ
“การกระทำของจำเลยเป็นการจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อัน ควรเชื่อได้ว่าจำเลยมีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินส่วนนี้”ศาลระบุ
พิพากษาว่า จำเลยจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ และมีพฤติการณ์อัน ควรเชื่อได้ว่ามีเจตนาไม่แสดงที่มาแห่งทรัพย์สินหรือหนี้สินนั้น กรณีเข้ารับตำแหน่งรองเลขาธิการ ป.ป.ช.ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 40,41 ประกอบพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561มาตรา 43,114 วรรคหนึ่ง, 158
“มีผลให้จำเลยพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันที่มีคำวินิจฉัย และห้ามมิให้จำเลยดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่รัฐเป็นเวลา 5 ปีนับแต่วันที่พ้นจากตำแหน่ง ตามพรป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 41 กับมีความผิดตามมาตรา 119 องค์คณะผู้พิพากษาเสียงข้างมาก เห็นควรลงโทษจำคุก 4 เดือนและปรับ 1หมื่นบาท เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29,30 คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี