เมาแล้วอย่าขับ แต่ทนายเมาแล้วขับได้ ที่จ.อุดรธานี ทนายวัย 59 ปีซิ่งมิว 7 ชนดะรถชาวบ้านสี่แยกไฟแดงบิ๊กซี ยังจะหนีสุดท้ายหม้อน้ำแตกไปไม่ได้ ตร.เป่าแอลกอฮอล์สูงถึง 219 มิลลิกรัม เจอเป่าเมาไม่พูดไม่ขอโทษเจอเจ้าของรถโห่ร้องไม่พอใจ

วันที่ 1 มีนาคม 2566 ตำรวจสภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุมีคนเมาขับรถยนต์ชนรถที่จอดติดสัญญาณไฟแดงสี่แยกบิ๊กซีทางไปจ.สกลนคร ทำให้มีรถเสียหายหลายคัน จนทำให้รถติดกันยาวเหยียด ส่วนรถคันก่อเหตุทราบว่าเป็นรถยนต์อีซูซุ มิว 7 สีขาว หลบหนีไปไม่ได้จอดอยู่หน้าร้านวัสดุก่อสร้างห่างจากสี่แยกประมาณ 200 เมตรเนื่องจากหม้อน้ำแตกไปต่อไม่ได้ ส่วนบริเวณสี่แยกไฟแดงมีรถถูกชนทั้งรถปิคอัพ รถกระบะ รถทัวร์รวมแล้ว 9 คัน

ตำรวจไปตรวจสอบคนขับทราบว่านายมานะ อายุ 59 ปี ทราบว่าเป็นทนายความ ตำรวจจึงได้เชิญลงจากรถและขอเป่าแอลกอฮอล์ ปรากฏว่า ปรากฏว่าเป่าได้ 219 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ จึงควบคุมไปโรงพัก พร้อมด้วยผู้เสียหายทั้งหมด แต่เจ้าของรถที่ถูกชนก็อดอารมณ์ไว้ไม่อยู่ พากันด่าทอทนายเมาคนนี้อย่าดุเดือดเลือดพล่าน

เมื่อมาถึงโรงพัก นายมานะ ไม่ยอมพูดกับผู้สื่อข่าว และนั่งอยู่เก้าอี้หน้าห้องสอบสวน แต่ผู้เสียหายต่อว่าและด่าทอเสียงดัง เพราะว่านายมานะไม่ยอมพูดอะไร ไม่ยอมขอโทษ เอาแต่นิ่งเงียบ และเอามือปิดปาก ทำให้ผู้เสียหายเกิดอารมณ์ ซึ่งนายมานะเกรงว่าจะได้รับอันตรายจึงเดินเข้าไปนั่งอยู่ในห้องกับพนักงานสอบสวน เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหานายมานะ “ขับรถในขณะเมาสุรา ขับรถเฉี่ยวชนผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับความเสียหาย และมีพฤติกรรมหลบหนี” ควบคุมตัวไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นายทนุธรรม อายุ 43 ปี เจ้าของรถเก๋ง 1 ในผู้เสียหาย ที่ถูกทนายเมาแล้วขับชนย บอกว่า ตนกับภรรยานำรถไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง และตรวจเช็กสภาพรถที่อู่ซ่อมรถในตัวเมืองอุดรธานี เสร็จแล้วได้ขับรถมุ่งหน้ากลับบ้านมา จอดติดไฟแดง หลังรถผู้ก่อเหตุ ต่อมารู้สึกว่ามีอะไรมากระแทกด้านหลัง รถตนจะไปชนคันด้านหน้า พอมองกระจกหลัง พบว่ารถอีซูซุ มิว 7 ถอยหลัง แล้วพุ่งชนรถตน 3 ครั้ง จนได้รับความเสียหาย ภรรยาได้รับบาดเจ็บที่ขา นอกจากรถตน ก็ยังพุ่งชนรถคันอื่นเสียหายอีกหลายคัน ก่อนจะขับพยายามหลบหนี แต่รถของผู้ก่อเหตุก็ได้รับความเสียหายไปต่อไม่ได้