6 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีคนร้ายบุกสังหาร นายกฤษณ์ สราญเศรษฐ์ อายุ 63 ปี อดีตหัวหน้าสำนักงานที่ดินอำเภอคลองหอยโข่ง จ.สงขลา และ นางสุทินา หนูคง อายุ 45 ปี ภรรยา โดยทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตด้วยปืนเอ็ม 16 ภายในบ้านพัก ซึ่งตั้งอยู่ในสวนปาล์ม พื้นที่บ้านทุ่งเลียบ หมู่ 1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 เมษายน ปี 2559
ต่อมาเมื่อวันที่ 23 เม.ย.63 กำลังตำรวจชุดสืบสวนภาค 9 และชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.สงขลา นำโดย พ.ต.อ.ศักดา เจริญกุล ผกก.สส.ภ.จ.สงขลา (ยศในขณะนั้น)พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่งตำเสา และ ชุดสืบจังหวัดสงขลา เข้าตรวจค้น และจับกุม นายสมภพ จิตรนุ่ม หรือแข้ง อายุ 28 ปี อดีตคนงานในสวนปาล์มของผู้ตาย ได้ที่บ้านบ้านในพื้นที่ ม.7 ต.ควนรู อ.รัตภูมิ จ.สงขลา ตามหมายจับของศาลจังหวัดสงขลา คดีผู้บงการฆ่านายกฤษณ์ สราญเศรษฐ์ อายุ 63 ปี อดีตหัวหน้าสำนักงานที่ดินอำเภอคลองหอยโข่ง จ.สงขลา และ นางสุทินา หนูคง อายุ 45 ปีภรรยา
ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 22 พ.ค.59 เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวผู้ต้องหาที่ร่วมกันก่อเหตุได้แล้ว 3 คน จากทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นายสุทธิพงศ์ หรือจา จตุธรรม อายุ 29 ปี, นายนรินทร์ หรือเดียร์ หลงแก้ว อายุ 29 ปี และ นายยศพล หรือโจ๊ก พรหมอ่อน อายุ 27 ปี ทั้งหมดให้การซัดทอดว่า นายสมภพ เป็นคนวางแผนและบงการปล้นฆ่าเอง
นายสมภพ ก็ยอมรับสารภาพในชั้นการจับกุมว่า ในคืนเกิดเหตุได้ชักชวนเพื่อนที่ถูกจับกุมไปแล้วเข้าปล้นทรัพย์ที่บ้านเกิดเหตุ โดยตนใช้อาวุธปืนพกสั้น .357 ยิงภรรยาบริเวณหน้าห้องนอน 1 นัด และวิ่งตามไปยิงในห้องนอนอีก 1 นัดจนเสียชีวิต ส่วนเพื่อนอีกคนได้ใช้อาวุธปืนสงครามเอ็ม16 ยิงสามี แล้วหลังจากนั้นก็ช่วยกันรื้อค้นเอาทรัพย์สินของผู้ตายไปเป็นเงินสดจำนวน 218,000 บาท และโทรศัพท์ รวมทั้งทรัพย์สินอื่นๆ โดยตนได้ส่วนแบ่งเป็นเงินสด 100,000 บาท ส่วนที่เหลือเพื่อนอีก 3 คนนำเงินที่เหลือไปแบ่งกัน มูลเหตุจูงใจมาจากการที่ผู้ตายหักเงินค่าแรงเพราะหยุดงาน จึงได้วางแผนปล้นฆ่าดังกล่าว
ต่อมา ( 22 ม.ค.64 )ที่ศาลจังหวัดสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา บัลลังก์ 313 ศาลจังหวัดสงขลา ได้อ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น นายสมภพ จิตรนุ่ม คดีร่วมกันฆ่า นายกฤษณ์ สราญเศรษฐ์ อายุ 63 ปี อดีตหัวหน้าสำนักงานที่ดินอำเภอคลองหอยโข่ง จ.สงขลา และ นางสุทินา หนูคง อายุ 45 ปี ภรรยา โดยทั้งคู่ถูกยิงเสียชีวิตพร้อมกัน 2 ศพ ด้วยอาวุธปืนสงครามเอ็ม16 ภายในบ้านพัก ในสวนปาล์มพื้นที่บ้านทุ่งเลียบ หมู่ 1 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 23 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา โดยผู้ต้องหาได้หลบหนีคดีมา 4 ปีเต็ม โดยศาลชั้นต้นได้พิพากษาให้ลงโทษนายสมภพ จำคุกตลอดชีวิต ส่วนผู้ต้องหาอีก 3 คนที่เหลือ อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ของศาลจังหวัดสงขลา
ต่อมาศาลพิพากษานายสุทธิพงษ์ หรือจา จตุธรรม, นายนรินทร์ หรือเดียร์ หลงแก้ว จำคุกตลอดชีวิต ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน, ร่วมกันมีอาวุธปืนและ เครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและร่วมกันพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต และไม่มีเหตุอันสมควร
ซึ่งในชั้นจับกุม นายสุทธิพงษ์ และนายนรินทร์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ในชั้นศาล จำเลยทั้งสองคนให้การปฏิเสธต่อสู้คดี แต่ระหว่างสืบพยานโจทก์ จำเลยทั้งสองคน เห็นว่า สู้คดีไม่ชนะแน่ จึงยอมกลับมาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาต่อศาล จว.สงขลา อีกครั้งหนึ่ง โดยศาล จว.สงขลา ได้อ่านคำพิพากษาไปเมื่อราวกลางเดือน ก.พ.66 ที่ผ่านมา
สำหรับนายสุทธิพงษ์ ได้หนีประกันจากศาล ก่อนการนัดอ่านคำพิพากษาดังกล่าว และศาล จว.สงขลา ได้ออกหมายจับนายสุทธิพงษ์ไว้แล้วเพื่อให้ ตร.จับตัวมารับโทษ ตามกฎหมาย
นับว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์สะเทือนขวัญที่เป็นที่สนใจของประชาชนในพื้นที่ และสื่อมวลชนได้ติดตามข่าวการดำเนินคดีนี้ของกระบวนการยุติธรรมมาอย่างต่อเนื่อง หลังมีคำพิพากษา ของศาล จว.สงขลา ของจำเลยที่ถูกจับกุมได้ทั้ง 3 คน ดังกล่าว และศาลได้พิจารณาพิพากษาลงโทษจำเลยทุกคนตลอดชีวิต ทำให้ญาติของฝ่ายผู้ตาย ที่สูญเสียคนในครอบครัวไปทั้งหมด พอใจกับคำพิพากษาและประชาชนในพื้นที่รู้สึกว่า ตร.ชุดสืบสวนคดีคลายคดีนี้ศาลสงขลาสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี