จังหวัดบุรีรัมย์ จัดมหกรรม “พาณิชย์..ลดราคา ออนทัวร์ทั่วไทย”  นำ หมู ไก่ ไข่ และสินค้าอุปโภคบริโภคกว่า 100 ร้านค้าจำหน่ายราคาถูก  ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับ ปชช.  ทั้งเป็นการเพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ และพ่อค้าแม่ค้าในพื้นที่ด้วย 

วันนี้ (11 มี.ค.66)  นายสิงหชัย    ผ่องบุรุษ  รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์   เป็นประธานเปิดโครงการ “พาณิชย์..ลดราคา ออนทัวร์ทั่วไทยจังหวัดบุรีรัมย์ ครั้งที่ 1”  ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอบ้านกรวด  โดยให้ผู้ประกอบการ ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันจำนวน 100 ร้านค้า  ไปวางจำหน่ายให้กับประชาชนในราคาถูกกว่าท้องตลาดทั่วไป    อาทิ  หมูเนื้อแดงจำหน่ายในราคากิโลกรัมละ 150 บาท  ต่ำกว่าตลาดทั่วไปถึง 25% , ไก่น่องติดสะโพกกิโลกรัมละ  60 บาท ถูกกว่าปกติ 29% , ไข่ไก่คละเบอร์ 2 และเบอร์ 3 จำหน่ายแผงละ  90 บาท ,  น้ำตาลทรายถุงละ 1 กิโลกรัม จำหน่ายเพียงถุงละ 18 บาท ,  น้ำมันพืชปาล์มขวดละ 1 ลิตร จำหน่ายขวดละ 45 บาท , ข้าวสารหอมมะลิจำหน่ายถุงละ 110 บาท  ข้าวขาว 5% จำหน่ายถุงละ 80 บาท  นอกจากนี้ยังมีการออกร้านจำหน่ายสินค้า  OTOP S M E Young Smart Farmer และผู้ค้าปลีกในจังหวัดบุรีรัมย์รวมถึงจังหวัดใกล้เคียง   ซึ่งมีประชาชนทั้งในพื้นที่อำเภอบ้านกรวดและอำเภอใกล้เคียง    สนใจมาเลือกจับจ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคในงานดังกล่าวอย่างคึกคัก  

โดยโครงการพาณิชย์ ลดราคาออนทัวร์ทั่วไทยครั้งแรกที่อำเภอบ้านกรวด จะมีไปจนถึงวันที่ 12  มี.ค.2566   ตั้งแต่เวลา 09.00 น. – 19.00 น.   สำหรับครั้งที่ 2 จะจัดระหว่างวันที่ 17-19 มีนาคม  ที่สนามที่ว่าการอำเภอนางรอง,  ครั้งที่ 3  จัดระหว่างวันที่ 24 - 26 มีนาคม  ที่สนามที่ว่าการ อำเภอลำปลายมาศ   และครั้งที่ 4  จัดระหว่างวันที่ 31 มีนาคม ถึง 2 เมษายน 2566 ที่สนามที่ว่าการอำเภอกระสัง  จึงเชิญชวนประชาชนมาจับจ่ายซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคราคาประหยัดภายในงานดังกล่าวได้   ซึ่งนอกจากจะเป็นการประหยัดเงินในกระเป๋าแล้ว   ยังเป็นการร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจของจังหวัดบุรีรัมย์ในอีกทางหนึ่งด้วย

นายสิงหชัย    ผ่องบุรุษ   รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์  กล่าวว่า   การจัดงานครั้งนี้ เป็นการบูรณาการกันหลายภาคส่วนเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล   ที่ต้องการดูแลปากท้องของประชาชน  ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการลดภาระค่าครองชีพจากสถานการณ์ปัจจุบัน   ที่สินค้ามีการปรับราคาสูงขึ้น  ซึ่งนอกจากจะเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนผู้บริโภคแล้ว   ก็ยังเป็นการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าให้กับเกษตรกร  กลุ่มเกษตรกร  วิสาหกิจชุมชน  และผู้ประกอบการสินค้าโอท็อปที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิดระบาดอีกด้วย - 003