โจรใต้ซุ่มยิงสายข่าวดับ

มือชี้เป้ากุดหัว”เปเล่ดำ”

มอบเหรียญชูเกียรติ2ตร.

บึ้มทหารยะลาเจ็บ3นาย

ความคืบหน้ากรณีตำรวจชุดสืบสวนคดีสำคัญ ศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศชต.) ยิงปะทะกลุ่มคนร้ายขณะเข้าตรวจค้นบ้านพักเลขที่ 4/2 หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส หลังรับแจ้งจากสายข่าวมีผู้ก่อการร้ายกลุ่มของนายมะซูพิยัน ยะกูมอ ที่ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เข้ามาเคลื่อนไหวบริเวณดังกล่าว เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 3 นาย ฝ่ายคนร้ายเสียชีวิต 4 คน  จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 7 ราย เหตุเกิดเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

7คนร้ายป่วนรือเสาะ3รายมีหมายจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 6 ตุลาคม มีรายงานผลตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของชายต้องสงสัย 7 คน ที่เจ้าหน้าควบคุมตัวไว้ คือ นายมะนูรดิน เฮงตาแกะ ที่อยู่ 89 หมู่ 4 ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา  นายรูฟีอิง มะลี ที่อยู่ 12 หมู่ 5 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลา  นายสือมาน บาเฮง 14/3 หมู่ 3 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา และนายบัสซอรี ตันหยงอูตง ที่อยู่ 6/5 หมู่ 2 ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ทั้งหมด ตรวจสอบเบื้องต้นแล้วไม่มีหมายจับใดๆ

นายมะรอกิ มะนุ ที่อยู่ 7/1 หมู่ 2 ต.บาตง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับตาม ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดยะลา ตามหมายจับที่ 273/2552 นายรุสมาน มาแน ที่อยู่ 87/2 หมู่ 2 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา พบว่ามีหมายจับตาม ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดยะลา 1 หมาย คือ หมายจับที่ จส.279/2549 และหมายพ.ร.ก. 1 หมาย คือ หมายที่ ฉฉ.237/2549   นายปรีชา เจ๊ะแม 48 หมู่ 2 ต.บาลอ อ.รามัน จ.ยะลามีหมายจับตาม ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดนราธิวาส 1 หมายคือ หมายจับที่ 256/2554

2แกนนำโจรใต้หมายจับเพียบ

ส่วนคนร้ายที่เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ 4  คนคือ นายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรืออุสตาซรอฮิง อาซ่อง หรือฉายา เปเล่ดำ อายุ 34 ปี ที่อยู่ 58/1 หมู่ 2 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา ตรวจสอบประวัติแล้วพบมีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดนราธิวาส 2 หมายคือ หมายจับที่ 380/2553 ลงวันที่ 19 สิงหาคม 2553 และหมายจับที่ จ.49/2555 ลงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2555 นายอุสมาน เด็งสาแม อายุ 37 ปี ที่อยู่ 15 หมู่ 3 ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา ตรวจสอบแล้วพบว่า มีหมายจับ ป.วิอาญา ของศาลจังหวัดยะลา 5 หมายดังนี้ หมายจับที่ จส.32/2548, จส.84/2548, จส.72/2548, จส 130/2458 และ จส.38/2549

นายสูเพียง สาและ อายุ 28 ปี ที่อยู่ 39/1 หมู่ 5 ต.บุดี อ.เมือง จ.ยะลา  และนายพือลี หรือซุลกิฟลี แมแล อายุ 36 ปี ที่อยู่ 93/1 หมู่ 2 ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา ตรวจสอบไม่พบว่ามีหมายจับใดๆ   ส่วนอาวุธปืนที่พบอยู่ที่ตัวของคนร้ายทั้ง 4 ราย ได้ส่งไปตรวจสอบที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลาว่าเคยใช้ก่อเหตุคดีใดมาแล้วบ้าง ในรายงานระบุ

รดน้ำ2ตร.-มอบเหรียญชูเกียรติ

เวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่วัดสุวรรณากร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี  พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. เป็นประธานพิธีรดน้ำศพ พ.ต.ท.อดิพัฒน์ สุพรรณวิวัฒน์ และ จ.ส.ต.วิชิต อดทน สังกัดชุดสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญ ศชต.เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เข้าปิดล้อมตรวจค้นจนเกิดการยิงปะทะกับกลุ่มคนร้าย เหตุเกิดที่บ้านสะแนะ ม.1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส วันเสาร์ที่ผ่านมา

โดยพล.ต.อ.อดุลย์ ได้วางพวงหรีด และมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวผู้กล้าทั้ง 2 นาย เพื่อเป็นขวัญกำลังใจ พล.ท.สกล ชื่นตระกูล แม่ทัพภาคที่ 4 ได้วางพวงหรีด พร้อมมอบเหรียญบางระจันเชิดชูเกียรติ และมอบเงินช่วยเหลือด้วย  เช่นเดียวกับหลายหน่วยงานทยอยวางพวงหรีด และมอบเงินช่วยเหลือ โดยในพิธีรดน้ำศพมีข้าราชการระดับสูงทั้ง ตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง รวมไปถึงเพื่อนตำรวจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาร่วมไว้อาลัยเป็นจำนวนมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จพิธีรดน้ำศพจะตั้งบำเพ็ญกุศล 1 คืน จากนั้นวันที่ 7 ตุลาคม จะเคลื่อนศพเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 ส่งกลับภูมิลำเนา โดยศพพ.ต.ท.อดิพัฒน์ สุพรรณวิวัฒน์ จะนำกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิดจ.นครราชสีมา ส่วนศพจ.ส.ต.วิชิต อดทน จะเคลื่อนศพไปบำเพ็ญกุศลที่อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี

ยิงสายข่าวแก้แค้นเก็บ“เปเล่ดำ”

ขณะที่สถานการณ์ไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง  เมื่อเวลา 11.00 น. ร.ต.ท.วันชัย รักษ์บุญเมือง พนักงานสอบสวนสภ.รือเสาะ จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิตภายในสวนยางพาราบ้านกาโด๊ะ หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ คริสตัล สีแดง ทะเบียน จ-9995 ปัตตานี ล้มตะแคงอยู่ และพบศพนายโมฮำหมัดริตาอูเด่น ตะระซี อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 65/1 หมู่ 4 ต.รือเสาะออก อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเป็นสายข่าวทหาร ฉก.นราธิวาส 30 และตำรวจ สภ.รือเสาะ นอนเสียชีวิตจมกองเลือด มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนอา.ก้า.ที่ศีรษะ และหน้าท้อง 2 นัด สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ไปกรีดยาง ขณะกลับบ้านถึงที่เกิดเหตุคนร้ายดักซุ่มอยู่ข้างทางใช้อาวุธปืนสงคราม อา.ก้า. ยิงใส่ผู้ตาย 2 นัด จนเสียชีวิตคาที่แล้วหลบหนีไป

ด้าน พ.ต.อ.อโณทัย จินดามณี ผกก.สภ.รือเสาะ เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นฝีมือสมุนของนายอุสมาน เด็งสาแม แกนนำอาร์เคเค ระดับ ผบ.ร้อยที่ 3 และนายอับดุลรอฮิง ดาอีซอ หรือ เปเล่ดำ แกนนำระดับปฏิบัติการ ที่ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญพร้อมลูกน้อง 4 ศพ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา  หลังเจ้าหน้าที่นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เพราะผู้ตายเป็นผู้แจ้งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่นำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นดังกล่าวจนจับตาย 4 โจรใต้  นอกจากนี้ ผู้ตายเคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยตามหมาย พรก.ฉุกเฉิน แต่ต่อมาได้เข้าแสดงตัว และให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แจ้งเบาะแสต่างๆ เกี่ยวกับกลุ่มคนร้าย

บึ้มรถฉก.13ส่งกำลังพลทหารเจ็บ3

วันเดียวกัน ศูนย์วิทยุแจ้งเหตุด่วน 191 สภ.เมืองยะลา รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ว่า ถูกคนร้ายลอบวางระเบิดบนถนนสาย 418 ยะลา-บ้านบ่อเจ็ดลูก ม.6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป อ.เมืองยะลา มีทหารบาดเจ็บ 3 นาย พร้อมประสานขอกำลังเข้าสนับสนุน หลังรับแจ้ง พ.ต.อ.พชรพล ณ นคร  ผกก.สภ.เมืองยะลา นำกำลังเข้าช่วยเหลือ นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลยะลา ทราบชื่อคือ ส.ท.ชัยยศ ดิมหมง อายุ 28 ปี จ.ส.อ.สมคิด มะโนเรือง อายุ 53 ปี  พลฯ มานะ แสนเขียง อายุ 23 ปี ถูกสะเก็ดระเบิด และเศษกระจกของรถยนต์ได้รับบาดเจ็บ อาการไม่สาหัส

หลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานที่ 10 ยะลา เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ บริเวณหัวสะพาน เส้นทางสาย 418 ขาออกจากตัวเมืองยะลา มุ่งหน้าจ.ปัตตานี พบหลุมระเบิดกว้างเกือบ 1 เมตร ลึกประมาณ 60 เซนติเมตร ราวเหล็กกั้นสะพานถูกแรงระเบิดบิดงอเสียหาย ห่างไป 30 เมตร พบรถยนต์ 10 ล้อ ลำเลียงพลถูกแรงระเบิดและสะเก็ดระเบิด ล้อยางรั่ว กระจกหน้าแตกจอดอยู่กลางสะพาน

สอบสวนเบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ทั้งหมด เป็นทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ 13 ตั้งฐานปฏิบัติการอยู่ที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ขบวนรถยนต์ดังกล่าวนำส่งกำลังพลที่ลาพักกว่า 200 นาย  ซึ่งจะเดินทางไปค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี เมื่อถึงที่เกิดเหตุคนร้ายกดชนวนระเบิดแสวงเครื่อง  เจ้าหน้าที่พบเศษถังแก๊ส เศษสะเก็ดระเบิดเป็นเหล็กเส้นตัดขนาด 1 เซนติเมตร รวมทั้งเศษวิทยุสื่อสาร เบื้องต้นเชื่อเป็นระเบิดแสวงเครื่องน้ำหนักประมาณ 20 กิโลกรัมบรรจุในถังแก๊สขนาด 7 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ และรถยนต์เสียหาย  หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ใช้อาวุธปืนยิงขึ้นฟ้า ตอบโต้คนร้าย จนกำลังสนับสนุนเข้าให้การช่วยเหลือ