เมื่อเวลา 15.00 น.วันที่ 15 มี.ค.66 ที่เมรุวัดบ้านซำเม็ง ต.เสาธัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายบุญเลิศ อุ่นอ่อน นางแหลม อุ่นอ่อน พ่อและแม่ของนางสาวจุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ที่ถูก ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง นายทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ชายแดนเขาพระวิหาร ฆ่าแล้วนำร่างไปทิ้งที่ป่าสามเหลี่ยมมรกต ชายแดนไทย-ลาว ด้าน อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ญาติติดตามค้นหาจนกระทั่งวันที่ 23 ต.ค.60 จึงพบกะโหลกศีรษะ โครงกระดูก เส้นผม เข็มขัดนาฬิกาของ ผอ.อ้อย ญาติได้นำกระโหลกศีรษะ กระดุก เส้นผมของ ผอ.อ้อยบรรจุเก็บไว้ และขุดขึ้นมาบำเพ็ญกุศลฌาปนกิจโดยมีนางอุดมลักษณ์ เพ็งนรพัฒน์ อดีต ส.ส.ศรีสะเกษ เขต 4 เป็นประธานในพิธี นายวิทยา เกษแก้ว สามีของ ผอ.อ้อย ได้บวชหน้าไฟอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยามี ด.ญ.ไอวริญ เกษแก้ว อายุ 13 ปี ลูกสาวของ ผอ.อ้อยและนายวิทยา ร่วมในพิธี
จากคดี น.ส.จุฑาภรณ์ อุ่นอ่อน หรือ ผอ.อ้อย ผอ.กองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม อบต.ชำ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ที่หายตัวไปนานกว่า 3 เดือนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2560 เจ้าหน้าที่ตำรวจและญาติพี่น้องออกตามหา ผอ.อ้อยที่หายไปอย่างลึกลับจนกระทั่ง วันที่ 23 ต.ค.60 จึงพบกะโหลกศีรษะ โครงกระดูก เส้นผม เข็มขัดนาฬิกาของ ผอ.อ้อยในป่าใกล้ชายแดนสามเหลี่ยมมรกต อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี กลายเป็นคดีฆาตกรรมที่ซับซ้อน มี ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง ตกเป็นผู้ต้องสงสัย พนักงานสอบสวนจึงได้เรียก ร.อ.ศุภชัย มาพบที่ บก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 พนักงานสอบสวนแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอีก คือ 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่น เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 3.ซ่อนเร้น ย้ายหรือทำลายศพ
ต่อมาเมื่อวันที่ 14 มี.ค.62 ศาลชั้นต้นได้พิพากษาประหารชีวิต ร.อ.ศุภชัย ภาโส หรือผู้กองเหน่ง จำเลยอุทธรณ์จนกระทั่งวันที่ 1 ก.ย.63 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นคือให้ประหารชีวิตผู้กองเหน่ง จำเลยฎีกา และเมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 ศาลฎีกาได้อ่านคำพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์คือให้ประหารชีวิตผู้กองเหน่งสถานเดียว
นางแหลม อุ่นอ่อน แม่ของ ผอ.อ้อย กล่าวว่า วันนี้ได้ทำพิธีฌาปนกิจศพลูกสาวหลังจากคดีถึงที่สุดแล้วและหลังศาลฎีกาพิพากษาให้ประหารชีวิตคนก่อเหตุก็รู้สึกดีใจที่ศาลท่านให้ความยุติธรรม จากนี้ไปก็เป็นเรื่องของผู้ก่อเหตุที่จะได้รับผลที่ได้กระทำไว้
ด้านนายประสิทธิศักดิ์ ฝอยทอง ประธานสภาทนายความจังหวัดกันทรลักษ์ ซึ่งทำหน้าที่ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า ตนเป็นโจทก์ร่วมคดีนี้ช่วงแรกๆ ก็รู้สึกลำบากใจเหมือนกันเนื่องจากคดีไม่มีประจักพยาน มีแต่พยานแวดล้อม พยานทางเทคนิคคดีนี้ทำงานยากมากและจำเลยเป็นคนมีสีเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่สุดท้ายทางผู้ใหญ่ก็ไม่ได้ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด คดีจบด้วยศาลสั่งประหารชีวิตจึงทำให้สบายใจมากที่สุด - 003