ผบ.ตร.สั่งสุ่มตรวจทั่วประเทศ
สุขภาพจิตตำรวจ
ป้องกันเหตุซ้ำรอย‘สารวัตรคลั่ง’
สร้างความปลอดภัยให้ส่วนรวม
ล้อมจับ28ชม.ลงเอยผู้ก่อเหตุตาย
ผบ.ตร.สั่งถอดบทเรียน “สารวัตรคลั่ง”พร้อม สั่งสุ่มตรวจสุขภาพจิตตำรวจทั่วประเทศ ป้องกันเหตุซ้ำรอยทั้งเปิดทางให้ประชาชนแจ้งความร้องเรียนตำรวจเข้าข่ายจิตเวชผ่านระบบ JCOMS ด้านนายกฯเสียใจต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจคลุ้มคลั่งที่เสียชีวิต ไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย สั่งเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบ
เมื่อวันที่ 16มีนาคม2566 พล.ต.ต.สันติ์นที ประยูรรัตน์ โฆษก สำนักงานจเรตำรวจ กล่าวว่า จากกรณีเกิดเหตุ พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือ สารวัตรกานต์ อายุ 51ปี สังกัดตำรวจสันติบาล ใช้อาวุธปืนยิงหลายสิบนัดในบ้านย่านสายไหม ก่อนถูกเจ้าหน้าที่บุกจู่โจมจับกุมก่อนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลหลังถูกยิงได้รับบาดเจ็บเมื่อคืนที่ผ่านมา และ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) สั่งการให้ถอดบทเรียนกรณีดังกล่าว ทาง พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.วรัตน์ชัย ศรีรัตนวุฒฑิ จเรตำรวจ (หัวหน้าจเรตำรวจ) มอบหมายให้หัวหน้าชุดสุ่มตรวจของแต่ละตำรวจภูธรภาค (กองตรวจราชการ) ให้ตรวจความพร้อมและข้อมูลด้านสุขภาพจิตและสุขภาพร่างกายของข้าราชการตำรวจแต่ละสถานีตำรวจในรายละเอียดอีกทางหนึ่งด้วย นอกจากผู้บังคับบัญชาต้นสังกัดที่มีการรายงานผลแล้วและให้เพิ่มเติมรายละเอียดแบบตรวจราชการในห้วข้อนี้ให้ชัดเจน และสอดรับกับการถอดบทเรียนที่เกิดขึ้นด้วย
โฆษกสำนักงานจเรตำรวจ กล่าวอีกว่า การสุ่มตรวจ สน./สภ.ให้ย้ำหัวข้อนี้ต่างหาก ทั้งนี้เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดความปลอดภัยแก่ประชาชน ตามนโยบายของ ผบ.ตร. นอกจากนี้ ประชาชนสามารถแจ้งความประพฤติข้าราชการตำรวจที่ไม่แน่ใจว่าเข้าข่ายด้านจิตเวชได้ทางช่องทาง JCOMS ระบบร้องเรียนร้องทุกข์ออนไลน์ได้อีกช่องทางหนึ่งด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ”สารวัตรกานต์”สารวัตรศูนย์พัฒนาด้านการข่าวสันติบาล ซึ่งเกิดอาการคลุ้มคลั่งกราดยิงบริเวณบ้านพักย่านสายไหม กทม.ต้องใช้เวลากว่า 27 ชั่วโมง จึงสามารถระงับเหตุได้ แต่สารวัตรกานต์ก็ได้บาดเจ็บสาหัสถูกยิงหลายจุดจากการปะทะกับหน่วยอรินทราช 26 พร้อมกับนำตัวเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่ รพ.ภูมิพล เพื่อช่วยชีวิตเนื่องจากอาการยังอยู่ในขั้นวิกฤตนั้น ต่อมา เวลา 21.38น.วันที่ 15มีนาคมที่ผ่านมา อาการของสารวัตรกานต์ ยังวิกฤต ชีพจร 70 และความดัน 40 ล่าสุด พ.ต.อ.รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม เปิดเผยว่า สารวัตรที่ก่อเหตุเสียชีวิตแล้ว โดยถอดเครื่องช่วยหายใจ 21.47 น. ที่ รพ.ภูมิพล
นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ดูแลสถานการณ์ รวมทั้งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกคน ติดตามประเมินสถานการณ์ และดูแลเจ้าหน้าที่ในสังกัด ไม่ให้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้อีก
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ต่อกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจยศพันตำรวจโทสังกัดตำรวจสันติบาลเกิดอาการคลุ่มคลั่ง ใช้อาวุธปืนกราดยิงบริเวณพื้นที่สายไหม ทำให้ประชาชนในพื้นที่ตกใจกลัว และมีการใช้แก๊สน้ำตา ซึ่งจากการประเมินพบว่า มีประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 20 ครัวเรือน ซึ่งบุคคลดังกล่าวถูกจับกุมตัว และเสียชีวิตในเวลาต่อมานั้น
“นายกฯไม่ต้องการให้เกิดการสูญเสียจากเหตุการณ์ดังกล่าว แสดงความเสียใจต่อครอบครัวเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต สั่งการอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ให้ ผบ.ตร.ประเมินสถานการณ์ และดำเนินการให้เรียบร้อย รัดกุม พิจารณาไม่ให้เกิดผลกระทบถึงชีวิต และทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ ทั้งนี้ หากเกิดความเสียหายแก่สุขภาพ ทรัพย์สิน บ้านเรือนของพี่น้องประชาชน ให้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบดูแลเยียวยาให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยนายกรัฐมนตรีห่วงใยถึงการเกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ สั่งการให้ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะทหาร ตำรวจ ให้การดูแลสุขภาพกายและใจของเจ้าหน้าที่ใต้บังคับบัญชาและรายงานตามลำดับชั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก” นายอนุชา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี