หากพูดถึงไวน์เกรดเอที่เป็นแบรนด์คนไทยและมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก คอไวน์ต้องรู้ดีว่าต้องเป็นไวน์ ชาโต้ เดอ เลย (CHATEAU DE LOEI) แห่งสวนภูเรือวโนทยาน ที่มีพื้นที่กว้างใหญ่กว่า 3,000 ไร่ เป็นแหล่งปลูกองุ่นพันธุ์ดีสำหรับผลิตไวน์แบรนด์ไทยเจ้าแรก ที่ส่งไปขายต่างประเทศจนมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก นอกจากนี้ยังมีพันธุ์ไม้อีกนานาชนิด เช่น มะคาเดเมีย 
อะโวคาโด แก้วมังกร มะละกอ ฝรั่ง เป็นต้น สวนแห่งนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและชิมไวน์ฟรีๆ โดยเฉพาะช่วงหน้าหนาว ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน เป็นต้นไป ดังนั้น ใครที่อยากไปสัมผัสอากาศหนาว จิบไวน์แก้หนาวกับสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคม จึงไม่ควรพลาด เพราะจะได้ชิมองุ่นสดๆ และจิบไวน์ฟรี พร้อมกับชิมอะโวคาโดพันธุ์ เฮช ซึ่งมีขนาดผลเล็กแต่เนื้อแน่น รสชาติหอม มัน กันแบบไม่อั้นเลยทีเดียว

สำหรับสวนภูเรือวโนทยานจะมีเรื่องราวที่มาที่ไปอย่างไร จนมาเป็นแหล่งผลิตไวน์ไทยที่มีชื่อเสียงนั้น ได้รับการเปิดเผยจาก นายสงวน ชินระนาท ผู้จัดการร้าน ชาโต้ เดอ เลย ว่า สวนภูเรือวโนทยาน และไวน์ ชาโต้ เดอ เลย เกิดจากการบุกเบิกของ นพ.ชัยยุทธ กรรณสูต มาตั้งแต่ปี 2534 ด้วยเห็นว่าสภาพภูมิประเทศและสภาพอากาศของบริเวณที่ตั้งสวนแห่งนี้จะสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 600-800 เมตร ซึ่งคล้ายกับเมืองมาร์เซย์ ทางตอนใต้ของฝรั่งเศสเป็นอย่างมาก อุณหภูมิโดยเฉพาะหน้าหนาวค่อนข้างเย็น บางครั้งอุณหภูมิต่ำถึง 0-3 องศาเซลเซียส แต่กลางวันจะมีอากาศร้อนพอดี ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อการปลูกองุ่น เพราะอุณหภูมิที่ร้อนพอดีในช่วงกลางวันจะสามารถทำให้องุ่นสุกเต็มที่ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสภาพพื้นที่เป็นแบบดอลลาร์ฮิลล์ ในลักษณะเนินต่ำๆ ต่อเนื่องกันเป็นดินแดงปนทราย ทำให้น้ำไม่ท่วมขัง ถือเป็นภูมิประเทศที่เหมาะสำหรับปลูกองุ่นได้เป็นอย่างดี

บริเวณพื้นที่สวนเป็นที่ราบสลับกับเนินเขาในอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล มีแปลงองุ่นพันธุ์ต่างๆ กระจายอยู่ในพื้นที่ 800 ไร่ องุ่นเหล่านี้หมุนเวียนกันให้ผลผลิตตลอดทั้งปี แบ่งเป็นองุ่นรับประทานสดและองุ่นสำหรับทำไวน์โดยเฉพาะ โดยองุ่นรับประทานสดจะเป็นพันธุ์บัวตี้ ซีดเลส มีผลใหญ่สีแดงคล้ำ รสชาติหวานฉ่ำ ส่วนองุ่นที่ใช้ทำไวน์ ส่วนใหญ่เป็นพันธุ์เชอแนง บลอง สำหรับทำไวน์ขาว และพันธุ์ชีราชสำหรับทำไวน์แดง

นักท่องเที่ยวที่ต้องการเข้ามาสัมผัสแปลงองุ่น สามารถขับรถเข้าเที่ยวชมสวนองุ่นได้ตามเส้นทางรถยนต์ที่จัดไว้เป็นวงรอบพื้นที่ และมีจุดกำหนดให้หยุดชมองุ่นเป็นระยะ สามารถชมการบำรุงรักษา การตัดองุ่นสด และถ่ายรูปกับองุ่นพวงโตเป็นที่ระลึกได้ 
นอกจากนี้ ใกล้ๆ กับองุ่น ยังเป็นที่ตั้งของโรงผลิตไวน์ชาโต้ เดอ เลย ไวเนอรี่ ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมกระบวนการผลิต ตั้งแต่จุดเริ่มต้นไปจนถึงการชิมไวน์

สำหรับขั้นตอนการผลิตไวน์ชาโต้ เดอ เลย เริ่มตั้งแต่การนำองุ่นที่เก็บได้มาชั่งน้ำหนักเพื่อทราบปริมาณ แล้วนำไปใส่เครื่องแยกก้านออกจากลูก จากนั้นจะนำไปเก็บในถังควบคุมอุณหภูมิ ทิ้งให้ตกตะกอนอีก 2-3 วัน จึงแยกน้ำองุ่นที่ได้ไปใส่ถังใบใหม่ พร้อมกับใส่ยีสต์เข้าไปเพื่อหมักให้เกิดแอลกอฮอล์อีกประมาณ 2 เดือนครึ่ง แล้วจึงส่งไวน์ที่ได้ไปต่างประเทศเพื่อตรวจคุณภาพ เมื่อได้ไวน์ที่มีคุณภาพและรสชาติดีแล้วก็จะถูกนำมาบรรจุขวดส่งออกขายทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ซึ่งในจุดของโรงงานผลิตไวน์นี้ นักท่องเที่ยวสามารถชิมไวน์ฟรีและเลือกซื้อไวน์ได้ในราคาพิเศษ

นอกจากเรื่องของการปลูกองุ่นและการผลิตไวน์ที่มีชื่อเสียงแล้ว คุณสงวน ยังบอกอีกว่า สวนแห่งนี้ยังมีพันธุ์ไม้อื่นๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น มะคาเดเมีย ซึ่งคุณหมอชัยยุทธ กรรณสูต ท่านเห็นความสำเร็จจากโครงการพัฒนาดอยตุงและจากสถานีทดลองเกษตรที่สูงภูเรือ จึงได้นำมาปลูกที่สวนแห่งนี้ไว้ถึง 30,000 กว่าต้น ประมาณ 1,200 ไร่ นอกจากนี้ ยังปลูกอะโวคาโดสายพันธุ์ เฮช (Hass) ซึ่งเป็นพันธุ์ผลเล็ก เนื้อแน่นรสชาติหอม มัน และที่สำคัญคือ เป็นพันธุ์ที่มีราคาแพงกว่าพันธุ์ทั่วไป ทางสวนนำสายพันธุ์มาจากประเทศนิวซีแลนด์ ซึ่งทางสวนวโนทยานได้นำยอดเข้ามาขยายพันธุ์และปลูกไว้ ซึ่งกำลังให้ผลผลิต พร้อมบริการนักท่องเที่ยวชิมกันได้ ในเดือนพฤศจิกายน ของทุกปี

ได้ฟังเรื่องราวของสวนภูเรือวโนทยานแล้ว ทำให้รู้สึกได้ว่า สวนแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่าใครเดินทางไปภูเรือ แล้วไม่แวะที่นี่ก็เหมือนไปไม่ถึงภูเรือ

สำหรับท่านใดที่สนใจไปเที่ยวภูเรือกับสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ชมสวนอะโวคาโด้พันธุ์ เฮช สัมผัสบรรยากาศไร่องุ่นสุดลูกหูลูกตาของสวนแห่งนี้แน่นอน ใครอยากซื้อองุ่นกลับบ้านและอยากเลือกตัดเองก็ตามสะดวก แถมได้ไปดูกระบวนการผลิตไวน์และชิมฟรีกันถึงโรงงาน เดินทางระหว่างวันที่ 6-8 ธันวาคมนี้ สำรองที่นั่งได้แล้ววันนี้ที่ สมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย โทร 0-2940-5452, 08-6340-1713 รับจำนวนจำกัด