"รอง สว. ตม."รีดทรัพย์ชาวจีนวืดประกันนอนคุก ศาลชี้เป็นเรื่องร้ายแรง กระทบความรู้สึกศีลธรรมอันดีของประชาชน ใช้ตำแหน่งหน้าที่สร้างโอกาสทำผิดทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ
เมื่อวันที่ 22 มี.ค.ที่ศาลอาญาคดีทุจริตเเละประพฤติมิชอบกลาง ถนนเลียบทางรถไฟ พนักงานสอบสวน สน.ดินเเดงนำตัว ร.ต.ท.ประวิต รองสว. บก.ตม.1 บช.สตม.ผู้ต้องหาคดี ร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังหรือ กระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใด โดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียงหรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของ ผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่ห้าคน
โดยพฤติการณ์แห่งคดี เมื่อวันที่ 9 มี.ค. เวลาประมาณ 21.00 น.ขณะที่ผู้กล่าวหาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ในซอยตระกูลสุข แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร ได้มีนายต้าเกอ สัญชาติจีน โทรศัพท์มาให้ผู้กล่าวหาช่วยเป็นล่ามแปลภาษาเพื่อไปทำหนังสือเดินทางที่กรมการกงสุล ถนนแจ้งวัฒนะ โดยได้ นัดหมายกันที่บ้าน ในซอยตระกูลสุข ย่านดินแดง
ของผู้กล่าวหา ต่อมาวันที่ 10 มี.ค. เวลาประมาณ 07.00 น. นายต้าเกอ ได้มาหาผู้กล่าวหาที่หน้าบ้าน และชวนกันนั่งรถจักรยานยนต์รับจ้าง จากบริเวณหน้าโบสถ์แม่พระฟาติมา ย่านดินแดง เดินทางไปที่กรมการกงสุล เวลาประมาณ 07.30น. จากนั้นผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ได้ไปพบชายไทยไม่ทราบชื่อสกุลจริง) ผิว ดำ สูงประมาณ 165 เซนติเมตร ซึ่งผู้กล่าวหาเคยพบเห็นชายดังกล่าวมาแล้วประมาณ 2-3ครั้ง ที่บริเวณหน้าประตูทางออกกรมการกงสุล ขณะจอดรถยนต์เก๋งสีบรอนซ์เงิน
โดยชายคนดังกล่าวได้แจ้งให้ผู้ กล่าวหาและนายต้าเกอ นั่งรออยู่ในรถยนต์คัน แล้วชายคนดังกล่าวแจ้งว่าจะไปดำเนินการทำหนังสือเดินทางให้ จากนั้นประมาณ 1 ชั่วโมง ชายคนดังกล่าวได้เดินมาพร้อมกับชายไทย (ไม่ทราบชื่อสกุลจริง) รูปร่าง อ้วนสูงประมาณ 155 เซนติเมตร แล้วชายคนดังกล่าวก็พูดว่า ให้กลับไปก่อนแล้วนัดมาทำใหม่ในวันจันทร์ แล้วชาย ผิวดำ ก็ขับรถยนต์เก๋งมาส่งผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ที่บริเวณหลังบ้านซอยตระกูลสุข เมื่อผู้กล่าวหาและนายต้าเกอ ลงจากรถยนต์
ต่อมาได้มีชายขับขี่รถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาว ตามหลัง มาจอดที่หลังบ้านของผู้กล่าวหา ทราบชื่อภายหลังคือ ด.ต.พีระศักดิ์ โดยมี ร.ต.ท.ประวิต พลจังหรีด (ทราบชื่อภายหลัง) หน้ามาด้วย จากนั้น ร.ต.ท.ประวิต ได้เดิน มาหาแล้วพูดว่า ไปไหนมา ไปทำอะไรมา เอาโทรศัพท์มา เอากระเป๋ามาผู้กล่าวหาจึงได้เดินเข้าไป ในบ้าน ส่วนร.ต.ท.ประวิต ได้ยืนรอหลังบ้าน จากนั้นมี ชายขับขี่รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ ทราบชื่อภายหลังคือ พ.ต.ต.จิรภัทร ซึ่งลงจากรถมาถ่ายรูปบริเวณหน้าบ้าน ต่อมา ก็มีชายขี่รถยนต์ ยี่ห้อมาสด้า 2 ขับตามหลังมาแล้วมาจอดเยื้องหลังบ้านของผู้กล่าวหา
หลังจากนั้นผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวคือ พ.ต.ต.สรวิศ (ทราบชื่อสกุลภายหลัง) เดินไปหน้าบ้าน ขณะเดียวกัน ได้มีชายขับรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีดำ มาที่หน้าบ้าน ซึ่งขณะนั้นผู้กล่าวหาได้เดินขึ้นไปเอาเอกสารของคนงานต่างด้าวเพื่อมาชี้แจงให้กับกลุ่มชายดังกล่าวเพื่อตรวจสอบดู แต่กลุ่มชาย ดังกล่าวไม่ตรวจสอบแต่อย่างใด ผู้กล่าวหาจึงวางเอกสารไว้ที่โต๊ะในบ้าน แล้วเดินมาที่หลังบ้านมาหานายต้าเกอซึ่งมีกลุ่มชายคนดังกล่าวประมาณ 3-4 คนยืนอยู่ จากนั้นมีชายไทยรูปร่างสูงพูดว่า เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบชื่อภายหลัง ร.ต.ท.สุริยะ และกลุ่มชายไทย ดังกล่าวได้ค้นตัวนายต้าเกอ พบบัตรประจำตัวประชาชน ก่อนสั่งให้ผู้กล่าวหา กับนายต้าเกอไปขึ้นรถยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า ซีอาร์วี สีขาวบริเวณเบาะด้านหลังคนขับมี ร.ต.ท.สุริยะ นั่งบริเวณด้านซ้ายมือและนายต้าเกอนั่งอยู่ด้านขวามือ มีร.ต.ท.ประวิต นั่งอยู่บริเวณเบาะ
จากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ได้ขับรถยนต์พาผู้กล่าวหามาที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ในระหว่างเดินทาง ด.ต.พีระศักดิ์พูดว่า ถ้าพวกคุณอยากเอาตัวรอดต้องทำตามที่สั่ง คือ ให้หาหนังสือเดินทางของนายต้าเกอมาให้ และ หาก ด.ต.พีระศักดิ์ ตรวจพบว่านายต้าเกอ มีหมายแดงจะช่วยอะไรไม่ได้ หากไม่มีหมายแดงก็พอจะช่วยได้ จากนั้นนายต้า เกอได้ให้ดูภาพถ่ายหนังสือเดินทางในโทรศัพท์มือของนายต้าเกอ แล้วร.ต.ท.ประวิต ก็ใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายรูปหนังสือเดินทางของผู้กล่าวหาและนายต้าเกอเพื่อไปตรวจสอบ แล้วก็ลงจากรถ
จากมีชายไทย (ไม่ทราบชื่อสกุล จริง) ขึ้นรถมาแล้วอ้างว่าเป็นเจ้านายของ ด.ต.พีระศักดิ์ ได้ตรวจค้นกระเป๋าของผู้กล่าวหาและนายต้า เกอ ในระหว่างนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ได้ขับรถไปเรื่อยๆ โดยด.ต.พีระศักดิ์ได้พูดกับผู้กล่าวหาว่าจะเข้าไปที่ ทำการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองหรือไม่ ผู้กล่าวหาจึงถามนายต้าเกอว่าจะเข้าไปหรือไม่ ซึ่งนายต้าเกอตอบว่าไม่เข้า และจะขอเคลียร์เงิน โดยด.ต.พีระศักดิ์พูดว่าให้เสนอมา ซึ่งนายต้าเกอเสนอให้จำนวน 3ล้านบาท ผู้กล่าวหาจึง แต่ ด.ต.พีระศักดิ์ได้เรียกเงิน 20 ล้านบาท สุดท้ายลดให้เหลือ 10 ล้านบาท โดยนายต้าเกอ ให้ลูกชายโอนเงินผ่านระบบ E-TOKEN เข้าบัญชีพ.ต.ต.สรวิศ
จากนั้น ด.ต.พีระศักดิ์ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำ เอกสารซึ่งคล้ายกับเอกสารรับรองเป็นพยานบางอย่าง เมื่อเซ็นเอกสารเสร็จแล้ว พ.ต.ต.สรวิศได้นำโทรศัพท์มือถือคืน ให้กับผู้กล่าวหา แล้วพาผู้กล่าวหากับนายต้าเกอ มาส่งที่บริเวณศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ แล้วผู้กล่าวหาและนายต้า เกอ ได้เรียกรถแท็กซี่กลับมายังบ้านพัก เเละเเจ้งความดำเนินคดีจับกุมตัวผู้ต้องหากับพวกได้
การกระทำผู้ต้องหาเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, มาตรา 309วรรคสอง, มาตรา 310 ประกอบมาตรา 83 ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา ศาลอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมาผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ความผิดที่ผู้ต้องหาถูกพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหามีโทษสถานหนัก พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน ประกอบกับผู้ต้องหาเป็นเจ้าพนักงานตำรวจอาศัยตำแหน่งหน้าที่การงานของตนสร้างโอกาสในการกระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา ทำลายความน่าเชื่อถือศรัทธาต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศ หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว เชื่อว่าผู้ต้องหาอาจไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว กรณีจึงยังไม่มีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ยกคำร้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้ต้องหาร่วมขบวนการอีก 3 คนที่เหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลวันที่ 23 มี.ค. จึงจะนำตัวมาฝากขังที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี