ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอบ้านเลอตอ หมู่ที่ 13 ตำบลแม่ตื่น อำเภอแม่ระมาด จังหวัดตาก เป็นศูนย์พัฒนาโครงการหลวงลำดับที่ 39 และเป็นแห่งแรกในรัชสมัยของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่จัดตั้งขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาการลักลอบปลูกฝิ่น และการขยายพื้นที่ปลูกข้าวโพดจนทำให้เกิดการบุกรุกและทำลายทรัพยากรป่าไม้ของราษฎรในพื้นที่ ตลอดจนช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติ ตามแนวทางดำเนินงานพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 มีพื้นที่รับผิดชอบที่ได้รับอนุญาตตามมาตรา 19 รวม 126,969 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่การเกษตร 55,000 ไร่ ที่เหลือ 77,000 ไร่ เป็นพื้นที่ป่า ครอบคลุมพื้นที่ อำเภอแม่ระมาด และอำเภอท่าสองยาง
การพัฒนาพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอนั้น ได้มีการสำรวจและวิเคราะห์พื้นที่ ทำประชาพิจารณ์ จัดระเบียบการใช้พื้นที่ และขอใช้ประโยชน์พื้นที่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งได้วางแผนการใช้พื้นที่ตามหลักวิชาการ พัฒนาปัจจัยพื้นฐาน ปรับการปลูกพืชให้สอดคล้องกับศักยภาพพื้นที่ จัดระบบอนุรักษ์ดิน น้ำ และป่าไม้ พัฒนาและส่งเสริมอาชีพภายใต้มาตรฐานอาหารปลอดภัย โดยมีเป้าหมายที่จะสร้างรายได้ควบคู่กับการฟื้นฟูอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้กับราษฎรและชุมชนอย่างยั่งยืน
“น้ำ” เป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญ ที่จะสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมาย กรมชลประทาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักด้านน้ำของประเทศ จึงมีบทบาทสำคัญในการบูรณาการร่วมพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ไม่ว่าจะเป็นน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค การเกษตร การปลูกป่า และการดำเนินกิจกรรมอื่นๆ
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า การดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสนับสนุนให้กับพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอนั้น ได้กําหนดกรอบการพัฒนาแหล่งน้ําตามศักยภาพพื้นที่ลุ่มนํ้า ในพื้นที่โครงการหลวง แบ่งเป็น 4 เฟสด้วยกัน เฟสแรก มีแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำทั้งหมด 11 โครงการ แบ่งเป็น การสร้างอ่างเก็บน้ำ 6 โครงการ และปรับปรุงระบบส่งน้ำอีก 5 โครงการ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2565-2571 เฟสที่ 2 มีแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำ จำนวน 7 โครงการ สร้างอ่างเก็บน้ำ4 โครงการ สร้างฝายพร้อมระบบส่งน้ำ 1 โครงการ และปรับปรุงระบบส่งน้ำ อีก 2 โครงการ เริ่มดำเนินการตั้งแต่ปี 2564-2670 ส่วนเฟสที่ 3 และ 4 จะเริ่มดำเนินการในปี 2568-2571 มีแผนงานพัฒนาแหล่งน้ำรวม 8 โครงการ แบ่งเป็น การสร้างอ่างเก็บน้ำ2 โครงการ และปรับปรุงระบบส่งน้ำ อีก 6 โครงการ
ทั้งนี้ ในการดำเนินโครงการพัฒนาแหล่งน้ำสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอนั้น ส่วนใหญ่เป็นโครงการขนาดเล็ก แต่ละโครงการสามารถดำเนินการแล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลา 1 ปีโดยกรมชลประทานได้มอบหมายให้สำนักงานชลประทานที่ 4 ดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำเป็นการเร่งด่วนในเฟสแรก จำนวน2 โครงการคือ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่หินหลวงน้อย ซึ่งขณะนี้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จเรียบร้อยอยู่ระหว่างการปรับภูมิทัศน์ และโครงการปรับปรุงระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำแม่หินหลวงน้อยขณะอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2566 นี้
โครงการอ่างเก็บน้ำแม่หินหลวงน้อย เป็นโครงการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก สันทำนบดินกว้าง 8 เมตร ยาว 123 เมตร สูง 23 เมตร สามารถเก็บกับน้ำได้ 196,000 ล้านลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) ส่วนโครงการปรับปรุงระบบส่งน้ำอ่างเก็บน้ำแม่หินหลวงน้อยนั้น เป็นการสร้างท่อส่งน้ำขนาด 6 นิ้ว จากอ่างฯ ไปยังศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอรวมระยะทาง 4.522 กม. มีจุดจ่ายน้ำจำนวน 22 จุด เพื่อสนับสนุนพื้นที่โครงการหลวงเลอตอและช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่ ให้มีน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภคตลอดทั้งปี ตลอดจนสนับสนุนน้ำเพื่อการเกษตรในฤดูฝน 500 ไร่ และฤดูแล้ง 100 ไร่
สำหรับการพัฒนาแหล่งน้ำ สนับสนุนให้กับพื้นที่ของศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอในเฟสแรก นอกจากดำเนินการพัฒนาแหล่งน้ำทั้ง 2 โครงการดังกล่าวแล้ว ยังมีแผนการดำเนินการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอีก 5 แห่ง คือ อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งขนาดความจุ 50,000 ลบ.ม. เริ่มก่อสร้างในปี 2569 อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งหลวงพร้อมระบบส่งน้ำ ความจุ 54,000 ลบ.ม. เริ่มก่อสร้างในปี 2569 อ่างเก็บน้ำห้วยขนุนพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2571 อ่างเก็บน้ำเลอตอพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2571 และอ่างเก็บน้ำวะเบยเดพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2571 รวมทั้งยังมีแผนงานปรับปรุงระบบส่งน้ำเพิ่มอีก4 โครงการ คือ ปรับปรุงระบบส่งน้ำฝายเลอตอ เริ่มก่อสร้างในปี 2567 ปรับปรุงระบบส่งน้ำฝายบ้านห้วยโป่ง เริ่มก่อสร้างในปี 2567 ปรับปรุงระบบส่งน้ำบ้านวะเบยเด เริ่มก่อสร้างในปี 2568และปรับปรุงระบบส่งน้ำบ้านห้วยขนุน เริ่มก่อสร้างในปี 2571
เมื่อการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำในเฟสแรกแล้วเสร็จทั้งหมด ในปี 2571 จะมีพื้นที่รับประโยชน์ในฤดูฝน 2,150 ไร่และฤดูแล้ง 680 ไร่ ส่วนการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำสนับสนุนศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ในเฟสที่ 2 สร้างฝาย 1 โครงการคือ ฝายพร้อมระบบส่งน้ำบ้านพะตี้หม่อโจ ซึ่งก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีแผนก่อสร้างอ่างเก็บน้ำอีก 4 โครงการ ประกอบด้วยอ่างเก็บน้ำห้วยตะโกพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2569อ่างเก็บน้ำแม่หละคีพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2570อ่างเก็บน้ำบ้านขุนห้วยแม่หละพร้อมระบบส่งน้ำ เริ่มก่อสร้างในปี 2570 และอ่างเก็บน้ำแม่หละหลวงพร้อมระบบส่งน้ำเริ่มก่อสร้างในปี 2570 และมีแผนงานปรับปรุงระบบส่งน้ำ2 โครงการคือ ปรับปรุงระบบส่งนํ้าประปาภูเขาบ้านแม่หละคีเริ่มก่อสร้างในปี 2570 และปรับปรุงระบบส่งนํ้าฝายกามาผาโด้เริ่มก่อสร้างในปี 2571 และเมื่อแล้วเสร็จทั้งหมดมีพื้นที่ได้รับประโยชน์ในฤดูฝน 1,300 ไร่ และในฤดูแล้งอีก 420 ไร่
“กรมชลประทาน ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการบริหารจัดการน้ำและพัฒนาแหล่งน้ำตามศักยภาพของแต่ละลุ่มน้ำให้เพียงพอกับความต้องการ พร้อมให้การสนับสนุนการดำเนินงานของ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงเลอตอ ในการจัดหาน้ำเพื่อการอุปโภค-บริโภค การเกษตร และกิจกรรมต่างๆ เพื่อสร้างความเท่าเทียม ความเป็นธรรม ความสุข และความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนและสังคมในพื้นที่ห่างไกลความเจริญ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี และยุทธศาสตร์การพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ 20 ปี ที่มีเป้าหมายในการเสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนและสังคมอย่างยั่งยืน” อธิบดีกรมชลประทานกล่าวย้ำในตอนท้าย....
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี