ปราจีนฯหวั่นผลกระทบซีเซียม-137
นร.40คนไข้สูง-ไอ
แพทย์เจาะเลือดตรวจหาสารตกค้าง
สำนักงานปรมาณูเช็ครังสีในโรงเรียนซ้ำ
อว.ยันรัศมี15กม.รอบโรงงานไม่อันตราย
การันตีผลผลิตเกษตรในพื้นที่ปลอดภัย
นายกฯสั่ง‘ผบ.ตร.’สอบหาผู้รับผิดชอบ
นักเรียน รร.บ้านโคกกระท้อน 40 คน ป่วยมีไข้ถึงไข้สูง ไอ เจ็บคอ ตาแดง อบจ.ปราจีนฯหวั่นผลกระทบสารซีเซียม–137 ประสาน รพ.กบินทร์บุรี ตรวจวัดไข้-จ่ายยา พร้อมเจาะเลือดหาสารตกค้าง ขณะที่เจ้าหน้าที่สำนักปรมาณูเพื่อสันตินำเครื่องมือติดตั้งวัดคุณภาพอากาศในโรงเรียนเก็บไปวิเคราะห์ ด้านโฆษกรัฐบาลแถลงหลังประชุมหน่วยงานแก้ปมซีเซียม-37 หายจากโรงไฟฟ้า เผยนายกฯสั่ง ผบ.ตร.สอบซีเซียมหายไปได้อย่างไรใครต้องรับผิดชอบบ้าง ส่วน “ผู้ว่าฯปราจีน” ยันกลางที่ประชุมตรวจพื้นที่-ร่างกายปชช.หลายรอบ ยังไม่พบสารปนเปื้อน พร้อม การันตีผลผลิตการเกษตรในพื้นที่ปลอดภัย รับประทานได้ ปลัด อว.ยันจุดกลางรง.และรัศมี 15 กม.ไม่พบอันตราย
มีความคืบหน้าเหตุวัตถุกัมมันตรังสีซีเซียม -137 หายจากโรงไฟฟ้าพลังงานไอน้ำ บริษัท เนชั่นแนลเพาเวอร์ แพลนท์ 5 เอ จำกัด อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี ก่อนไปพบอยู่ในโรงหลอมเหล็กบริษัท เค ที พี สตีล จำกัด อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี สร้างความหวาดผวาให้ประชาชนในพื้นที่ ที่วิตกเรื่องสารตกค้างและออกมาเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐเร่งตรวจสอบแก้ปัญหา
นร.ปราจีน40คนไอไข้สูงเจ็บคอ
เมื่อวันที่ 24 มีนาคม ผู้สื่อข่าวจ.ปราจีนบุรีรายงานว่า โรงพยาบาลกบินทร์บุรีรับแจ้งจากคณะครูโรงเรียนบ้านโคกกระท้อน หมู่ที่ 10 ต.ลาดตะเคียน อ.กบินทร์บุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปราจีนบุรี (สพป.ปราจีนบุรี) เขต 2 ที่เปิดสอนระดับชั้นอนุบาลถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และมีพื้นที่ใกล้โรงงานหลอมเหล็กที่พบซีเซียม – 137 ในต.หาดนางแก้ว อยู่ห่างโรงงานฯประมาณ 3 กิโลเมตร มีนักเรียนประมาณ 30 คนป่วยมีไข้ ไอ เจ็บคอ ตัวร้อน มีน้ำมูก บางรายต้องหยุดเรียนไปแล้ว เนื่องจากมีไข้สูง หลังรับแจ้งแพทย์พยาบาลโรงพยาบาลกบินทร์บุรี เข้าตรวจวัดไข้นักเรียนและพบเด็กมีไข้เจ็บคอมาแล้วหลายวัน บางรายเริ่มมีอาการตาแดง แพทย์ทำการรักษาพร้อมจ่ายยาเบื้องต้นไปก่อน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลายคนบอกตรงกันว่า มีอาการไอ เจ็บคอ ปวดหัวมา 3-4 วันแล้วแต่ที่เริ่มหนักมากคือเมื่อวันที่ 23 มีนาคมและวันนี้ (24 มีนาคม)
นายสงคราม ศรีสวัสดิ์ ประธานกลุ่มพื้นที่สุขภาพอำเภอกบินทร์บุรีเปิดเผยว่า องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปราจีนบุรี ได้บูรณาการร่วมกันออกมาตรวจเลือดประชาชนในต.ลาดตะเคียน และ ต.หาดนางแก้ว เพื่อตรวจหาสารปนเปื้อนจากซีเซียม-137 จึงได้รับแจ้งว่ามีเด็กนักเรียนป่วยระบบทางเดินหายใจ จึงรีบนำเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลกบินทร์บุรี มาตรวจวัดไข้ และจ่ายยาให้กับเด็กนักเรียน ส่วนใหญ่พบนักเรียนมีอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ มีอาการไอ มีน้ำมูกและเป็นไข้ เจ้าหน้าที่จึงให้ยาตามอาการและเฝ้าติดตามจากครูและผู้ปกครอง จากนี้ฝากถึงผู้ปกครองและประชาชนที่บุตรหลานมีอาการดังกล่าวขอให้ไปพบเจ้าหน้าที่ที่รพ.สต.ใกล้บ้าน เพื่อตรวจอาการและให้การรักษา
เร่งเจาะเลือดตรวจ-ตรวจหารังสีรอบรร.
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากนักเรียนกลุ่มดังกล่าวยังมีนักเรียนที่ป่วยก่อนหน้านี้และหยุดเรียนอีกกว่า 10-20 คน คาดว่ามีอาการลักษณะเดียวกันรวมกว่า 40 คน จากนักเรียนทั้งหมดกว่า 100 คน ส่วนบรรยากาศบริเวณโรงเรียนยังเปิดเรียนตามปกติ ส่วนนักเรียนที่ป่วย 40 คนแพทย์ได้เจาะเลือดไปตรวจวิเคราะห์ 20 คน พร้อมให้ยาไปรับประทานตามอาการ ก่อนให้ผู้ปกครองมารับตัวกลับบ้าน ขณะที่สำนักงานปรมาณูเพื่อสันตินำเครื่องเก็บตัวอย่างในอากาศไปติดตั้งในโรงเรียนประมาณ 1 ชั่วโมงก่อน ก่อนนำข้อมูลไปวิเคราะห์ว่า มีการปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสี-137 หรือไม่
นายกฯจี้ผบ.ตร.สอบปมซีเซียมหาย
เวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงความคืบหน้าเหตุการณ์สารซีเซียม-137 หายจากโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนไปพบอยู่ที่โรงงานหลอมโลหะแห่งหนึ่งใน อ.กบินทร์บุรีว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้ความสำคัญเรื่องนี้ และมอบหมายนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วงเช้าวันนี้ โดยนายกฯให้สำคัญกับการสอบสวนเรื่องนี้ทุกมิติ โดยเฉพาะหาสาเหตุว่าสารดังกล่าวหายไปได้อย่างไร สถานที่ที่รับซื้อ ตลอดจนต้องมีผู้รับผิดชอบต่อประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสารกัมมันตรังสีด้วยหรือไม่
“นายกฯสั่งการให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ลงพื้นที่สอบสวนหาหลักฐาน เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจ ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการออกมารองรับโดยเฉพาะเรื่องสารกัมมันตรังสี นายกฯให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อม จึงยกมาเป็นวาระแห่งชาติ” โฆษกรัฐบาลระบุ
ผวจ.ยันตรวจหลายรอบไม่พบซีเซียมรั่ว
ด้านนายรณรงค์ นครจินดา ผู้ว่าราชการจังหวัดปราจีนบุรีกล่าวว่า ตนได้รายงานที่ประชุมถึงปฎิบัติการ 2-3 วันที่ผ่านมา สิ่งที่เราเป็นห่วงมากอันดับแรกคือ เรื่องสุขภาพอนามัยประชาชน โดยเฉพาะพนักงานโรงงงานหลอมเหล็ก 70 คน ตรวจครั้งแรกเป็นการตรวจภายในและนอกโรงงาน รวมถึงตรวจพนักงานแต่ละคนไม่พบการปนเปื้อนสารดังกล่าว ตรวจครั้งที่ 2 ตรวจภายในร่างกายของพนักงานทั้งตรวจเลือดและปัสสาวะ ผลออกมาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ไม่พบว่ามีสารนี้ปนเปื้อนในร่างกาย ขอให้มั่นใจว่าร่างกายพนักงานของโรงงานแห่งนี้ทั้ง 70 คนไม่พบสารดังกล่าว ขณะเดียวกัน ก็เป็นห่วงประชาชนที่อยู่ใกล้โรงงานหลอมเหล็กจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบสถานที่ ดิน น้ำ อากาศ และสภาพแวดล้อมในพื้นที่ระยะวงรอบ 5 กิโลเมตร และ 10 กิโลเมตร โดยตรวจวัดหลายครั้ง ยังไม่พบการปนเปื้อนสารดังกล่าว
การันตีพืชผลการเกษตรปลอดภัย
นายรณรงค์กล่าวต่อว่าวันที่ 23 มีนาคม ตนประชุมร่วมกับตัวแทนประชาชนหลายหมู่บ้านรอบโรงหลอมเหล็ก พร้อมส่งแถบฟิล์มวัดปริมาณรังสีเคลื่อนที่ประจำตัวบุคคลไปให้จิตอาสาของแต่ละหมู่บ้านหรือชุมชน นำไปติดบนตัว ใช้เวลาตรวจวัด 15-30 วัน แล้วกลับมาตรวจซ้ำ เพื่อให้เกิดความมั่นใจแก่ประชาชนว่า พื้นที่โดยรอบไม่มีสารปนเปื้อน ไม่มีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ไม่มีผลกระทบชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ตลอดจนพืชผลผลิตทางการเกษตร และได้เชิญเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ (ปส.) ไปตรวจสอบทั่วพื้นที่ในหมู่บ้าน และพื้นที่เกษตรว่ามีสารปนเปื้อนหรือไม่ พร้อมกับสอบถามข้อมูลจากเกษตรกรในพื้นที่ด้วย มีสื่อมวลชนร่วมสังเกตการณ์อยู่ตลอด ผลก็ไม่พบสารซีเซียมปนเปื้อน นอกจากนี้ ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ของ ปส. นายอำเภอ และผู้นำชุมชนร่วมรับประทานผักและผลไม้ที่ปลูกในพื้นที่ด้วย เพื่อยืนยันว่าพืชผลมีความปลอดภัยสูง ขอให้ประชาชนมาท่องเที่ยวซื้อสินค้าในพื้นที่ได้
อว.ยันในรง.-รัศมี15กม.ไม่อันตราย
ขณะที่ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงวิไล ปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กล่าวเพิ่มเติมว่า นายกฯให้บูรณาการข้อมูลเชิงวิชาการที่ถูกต้อง ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการนิวเคลียร์เพื่อสันติ ประชุมติดตามสถานการณ์ประจำวันต่อเนื่อง นายกฯย้ำเรื่องความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะพนักงานโรงงานที่เกิดเหตุได้ตรวจร่างกายโดยละเอียดแล้ว ไม่พบการปนเปื้อนรังสี ผลตรวจเลือดและตรวจปัสสาวะของพนักงานครึ่งหนึ่งพบว่าปกติ คาดว่าจะปกติทั้งหมด ขณะที่ศูนย์ปฏิบัติส่วนหน้า ที่ตรวจสอบการปนเปื้อนในดิน น้ำ ที่เกี่ยวข้องรอบโรงงาน 23 ถุง และตรวจสอบสภาพอากาศรอบโรงงานรัศมี 3-15 กิโลเมตรต่อเนื่อง พบปริมาณรังสีปกติไม่พบการปนเปื้อน ส่วนสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติได้รายงานระดับรังสีแกมมาประจำวันที่จุดตรวจทั้ง 6 จุดทุกภาคในประเทศ พบว่าอยู่ในระดับปกติทุกจุด ซึ่งนายกฯสั่งการให้ตรวจต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์เป็นปกติ ผลตรวจตรงกลางโรงงานที่ตรวจพบรังสี และรัศมีถัดออกไปไม่พบรังสี สุขภาพอนามัยของประชาชนทั้งบริเวณโรงงานและรอบๆมีสภาวะเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวง อว.แจ้งโรงพยาบาลในสังกัดติดตามผู้ที่สงสัย หรือไม่สบายใจว่าจะได้รับสารรังสีหรือไม่ สามารถตรวจสอบในโรงพยาบาลได้ทันทีโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
ปลัดกระทรวง อว. กล่าวอีกว่า สถานการณ์สูงสุดทางสุขภาพ พบปริมาณรังสีในถุงที่พบหากสัมผัสโดยตรงใช้เวลา 30 ชั่วโมง จะเท่ากับการเอกซเรย์ปอด 1 ครั้ง สรุปว่าปริมาณรังสีที่ตรวจพบนั้นมีอยู่ แต่มีไม่มากอยู่ในสภาวะที่ควบคุมได้