ม.มหิดลค้นพบโรคเส้นประสาทตาอักเสบชนิดใหม่-สาเหตุภูมิคุ้มกันผิดปกติในผู้ป่วย HIV

ม.มหิดลค้นพบโรคเส้นประสาทตาอักเสบชนิดใหม่-สาเหตุภูมิคุ้มกันผิดปกติในผู้ป่วย HIV

วันอาทิตย์ ที่ 26 มีนาคม พ.ศ. 2566, 21.23 น.

ในบรรดาโรคที่เกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น ซึ่งนอกจากอาการ "เบาหวานขึ้นตา" หรือ "ต้อหิน" ที่พบได้บ่อยแล้ว ยังมี "โรคเส้นประสาทตาอักเสบ" ที่อาจคุกคามผู้คนทั่วๆ ไป หรือแม้แต่ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (HIV) ได้หากไม่เฝ้าระวังให้มากพอ

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา อาจารย์แพทย์ประจำหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล และทีมวิจัยซึ่งเป็นความร่วมมือภายในคณะฯ ระหว่างหน่วยประสาทวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ และภาควิชาจักษุวิทยา ในฐานะ "ปัญญาของแผ่นดิน" ค้นพบภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบ และได้รับการตีพิมพ์ผลการค้นพบดังกล่าวแล้วในวารสารวิชาการระดับโลก "Dove Press Journal" ซึ่งอยู่ใน Top 1% ของโลก


โดยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วยเส้นประสาทตาอักเสบของโรงพยาบาลรามาธิบดี อายุเฉลี่ย 45 ปี จำนวน 171 ราย มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี พบว่าสาเหตุของการอักเสบมีหลายชนิด แต่ละชนิดให้การรักษาแตกต่างกันไป ภูมิคุ้มกันชนิดใหม่ที่เป็นสาเหตุของการเกิด "โรคเส้นประสาทตาอักเสบ" ที่ทีมวิจัยค้นพบครั้งแรกของโลกนี้มีชื่อว่า "แอนตี้โจวัน" (Anti-Jo1  Associated-optic Neuritis) ซึ่งมีลักษณะการอักเสบมากขึ้นเรื่อยๆ จากตาข้างหนึ่งไปยังอีกข้างหนึ่ง บางรายอาจใช้เวลานานหลายเดือน รักษาได้โดยการใช้สเตียรอยด์ และยากดภูมิเป็นเวลานาน

อย่างไรก็ดี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ แพทย์หญิงปนิษฐา จินดาหรา ได้อธิบายเพิ่มเติมว่า "โรคเส้นประสาทตาอักเสบ" เป็นโรคซึ่งเกิดที่บริเวณเส้นประสาทที่เชื่อมต่อดวงตาและสมอง โดยมีอาการสายตาพร่ามัวในระยะแรกเริ่ม และแม้อุบัติการณ์ของ "โรคเส้นประสาทตาอักเสบ" จะพบเพียงไม่ถึง 2 รายต่อประชากร 1 แสนราย แต่ก็ไม่ควรนิ่งนอนใจ เนื่องจากอาจเป็นสาเหตุทำให้สูญเสียการมองเห็นในระยะรุนแรงได้

นอกจากนี้ ทางทีมวิจัยได้ทำการศึกษาในผู้ป่วย HIV ทำให้โลกแห่งวงการแพทย์ได้ประจักษ์ถึง "ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ" ของการมีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น แต่อาจให้ผลที่ตรงกันข้าม

เพื่อเพิ่มความเฝ้าระวังในผู้ป่วยโรคดังกล่าว โดยทั่วไปผู้ป่วย HIV จะต้องดูแลตัวเองด้วยการตรวจสารภูมิคุ้มกันในร่างกาย หรือ "CD4" (Cluster of Differentiation 4) ให้มีค่าคงที่ระหว่าง 500 - 600 เซลล์ต่อ 1 ลูกบาศก์มิลลิลิตร จากการได้รับยาต้านไวรัส HIV อย่างสม่ำเสมอ

ในขณะที่จากการศึกษาในผู้ป่วย HIV โดยทีมวิจัยกลับพบว่า สาเหตุของการเกิดอาการแทรกซ้อนด้วย "โรคเส้นประสาทตาอักเสบ" ในผู้ป่วย HIV นอกจากจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อเนื่องด้วยภูมิคุ้มกันที่ต่ำลงแล้ว แต่อาจเป็นได้จากกรณีที่ผู้ป่วย HIV มีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นกว่าเดิมจนกลายเป็น "ปฏิกิริยาสะท้อนกลับ" (Immune reconstitution inflammatory syndrome) ซึ่งสามารถรักษาตามอาการด้วยสเตียรอยด์พิจารณาใช้โดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มักมีพยากรณ์โรคที่ดี

เพียงหมั่นสังเกตอาการด้วยตนเองโดยใช้มือปิดดวงตาแต่ละข้าง แล้วทดลองอ่านหนังสือและมองสีต่างๆ เพื่อสังเกตศักยภาพในการมองเห็นว่าลดลงหรือไม่ พร้อมเปรียบเทียบดูความแตกต่างในการมองเห็นของดวงตาแต่ละข้างด้วย จะทำให้ทุกคนสามารถห่างไกลความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเส้นประสาทตาอักเสบในระยะรุนแรงได้

ติดตามข่าวสารที่น่าสนใจจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ที่ www.mahidol.ac.th

- 006

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top