‘ทนายตั้ม’แจงปมค่าแถลงข่าว3แสน ลั่นทำทุกอย่างโปร่งใส ไม่ได้ทำอาบอบนวด-ธุรกิจสีเทา

วันที่ 27 มีนาคม 2566 ที่สำนักงานกฎหมาย Sittra Law Firm “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ กล่าวถึงกรณีที่ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองและนักธุรกิจกลางคืน โพสต์เฟซบุ๊กพาดพิงตนเรื่องค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท ว่า ยกตัวอย่างเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2566 คดีของนายตี้ มาปรึกษาตนว่ามีญาติใช้โทรศัพท์มือถือแล้วไปกดโอนเงินเข้าเว็บไซต์การพนันออนไลน์ เป็นเงิน 40 ล้านบาท

ซึ่งในเบื้องต้น นายตี้ อ้างว่าได้ไปตามเรื่องกับทางตำรวจไซเบอร์มาแล้ว และทราบว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของหน่วยงานดังกล่าว และหากตนเปิดชื่อไปอย่างไรก็ต้องโดนฟ้อง จึงเป็นที่มาของการที่ตนขอค่าแถลงข่าว 3 แสนบาท เพราะก็เป็นสิ่งที่ตนควรได้หากทำให้เขาได้รับเงินคืนมา แต่ไม่ใช่การไปรีดไถ บอกว่าเอาเงินมาให้แล้วจะจัดแถลงข่าว แต่มีการทำใบเสนอราคาชัดเจน และย้อนถามกลับไปว่า นายชูวิทย์เคยทำธุรกิจสุจริตหรือเปล่า เพราะสิ่งที่ตนทำไม่ใช่การมุบมิบเอาเงินกันแล้วพอถูกจับได้ถึงค่อยมาสารภาพ

“ผมทำเป็นเอกสารใบเสนอราคาไป คุณจะมาทำหรือไม่ทำกับผมมันเป็นสิทธิ์ของคุณ ถ้าคุณรับข้อเสนอผมได้ผมก็ทำให้ อย่างปีที่ผ่านมาผมแถลงข่าวค่อนข้างจะหลายเรื่อง เคสน้องพอสที่ทะเลาะกับบริษัทค่ายเพลง ผมบอกพอสเลยพี่โดนฟ้องแน่ แต่เด็กอันนี้สงสาร ผมไม่เก็บเงินเลย แล้วสุดท้ายผมก็โดนฟ้องจริงๆ พอผมโดนฟ้องมันก็เป็นต้นทุนที่ผมจะต้องไปรองรับ ผมถือว่าเป็นเคสช่วยเหลือนะ แต่ผมไมได้บอกว่าผมเป็นทนายประชาชนไปช่วยเหลือ อันนี้เป็นน้ำใจที่ผมสงสารน้อง ผมช่วย” นายษิทรา กล่าว

นายษิทรา กล่าวต่อไปว่า ยังมีอีกหลายกรณีที่ตนจัดแถลงข่าว เช่น ชาวกัมพูชาถูกทำร้าย ผู้เสียหายจากการทำศัลยกรรมออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม หญิงสาวถูกตำรวจลวนลาม ยายเงินหายจากธนาคาร ตัวอย่างเหล่านี้ผู้เสียหายได้เงินคืนแต่ตนไม่ได้เงินแม้แต่บาทเดียวรวมถึงค่าแถลงข่าวก็ไม่ได้ เพราะตนไม่เก็บค่าแถลงข่าว ส่วนกรณีที่ตนขอเรียกค่าแถลงข่าว เช่น กรณีรองนายกฯ ย. คดีนี้นอกจากตนจะถูกฟ้องแล้วยังถูกร้องเรียนมรรยาททนายความด้วย ดังนั้นตนจะขอเรียกเงินในส่วนความเสี่ยงตรงนี้บ้างถามว่าผิดหรือ

ทั้งนี้ ในปี 2565 ที่ผ่านมา สำนักงานกฎหมายของตนมีผู้มาใช้บริการปรึกษาทางคดีถึง 1,500 กรณี แต่ตนรับคดีไม่ถึงร้อยละ 10 และเหตุที่แต่ละคดีตนคิดค่าใช้จ่ายแพงเพราะตนทำงานแบบเอาจริงเอาจัง บางคนอาจจะคิดว่าทนายที่ดีอย่าไปเอาเรื่องลูกความมาเป็นเรื่องของตนเอง แต่ตนไม่คิดแบบนั้นเพราะในเมื่อลูกความมาขอพึ่งแล้วตนก็ต้องถึงไหนถึงกัน โดนฟ้องก็ต้องโดนด้วยกัน นี่คือคติของตนและทุกคนในทีมงาน Sittra Law Firm คือทำงานเต็มที่

“บอกว่าผมเรียกค่าแถลง 3 แสน จริงๆ ค่าปรึกษาผม เวลาคนโทรศัพท์มาปรึกษาผม ผมคิดเงินนะ ผมมีลูกน้อง มีบริษัท ที่มาที่นี่ไม่ใช่ถูกๆ บริษัทผมค่าใช้จ่ายเดือนๆ หนึ่งเยอะมาก ผมถึงต้องคิดค่าปรึกษา ถ้าคุยกับลูกน้องผม ครั้งหนึ่ง 20 นาที 1,000 บาท แต่ถ้าจะคุยกับผม 20 นาทีเท่ากัน 1,500 บาท แต่ถ้าจะมาหาผมที่สำนักงาน 3,000 บาท ในการเจอผมได้คุยกันครึ่งชั่วโมง อันนี้มันคือวิชาชีพ ผมไม่ได้ทำอาชีพที่มันเป็นสีเทา ผมไม่ได้ไปเปิดอาบอบนวด อันนี้มันเป็นอาชีพที่ผมทำ แล้วผมก็โปร่งใส” นายษิทรา ระบุ

นายษิทรา ยังกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่นายชูวิทย์ โพสต์ภาพตนพาครอบครัวไปพักผ่อนในต่างประเทศของตน ก็ต้องถามว่าแล้วตนทำผิดอะไร เพราะตนก็เหนื่อยและเครียดในการทำงานแลกเงินมา แต่การที่นายชูวิทย์ พาดพิงเรื่องใบเสนอราคา จากคำกล่าวอ้างของคนที่ยังไม่ได้เป็นลูกความตน เรื่องนี้ตนดูแล้วมันกระจอกมาก ไม่ใช่งานอะไรของประเทศชาติเลย ทั้งที่เพจของนายชูวิทย์ควรเป็นเพจที่มีคุณภาพ กลายเป็นการมาจ้องจับผิดตน ใครเคยทำงานกับตนแล้วไม่พอใจก็ส่งข้อมูลมาเดี๋ยวจะแฉเอง เพจคุณภาพได้หายไปแล้ว

ส่วนเรื่องที่จะมาตรวจสอบการเสียภาษี บอกได้เลย Sittra Law Firm ทำถูกต้องหมด ตนยื่นแบบภาษีทุกเดือนและพร้อมให้ตรวจสอบ เพราะรู้อยู่แล้วว่าทำงานแบบเดียวอย่างไรก็ต้องเจอตรวจสอบแน่ จึงบอกฝ่ายบัญชีว่าให้ทำให้ถูกต้อง เสียภาษีให้รัฐปีละเป็นล้านบาทก็เสียไป ถือว่าอยู่ในแผ่นดินไทย และหลักฐานที่เอามาโจมตีตน หัวเอกสารก็ระบุไว้ชัดเจนว่าไม่ใช่มูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ แต่เป็นบริษัท Sittra Law Firm เป็นการทำธุรกิจ

ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่นายชูวิทย์เปิดโรงแรมเดวิส ก็ต้องย้อนถามกลับเหมือนกันว่าที่โรงแรมได้เปิดให้คนยากจนเข้าไปพักฟรีๆ หรือไม่ และตนจะรวยเร็วหรือช้ามันก็คือความสามารถ ลูกความที่มาหาตนรู้ว่าต้องเสียเงินแพงๆ หลักแสนหลักล้าน แต่เขาก็ยินดีจ่ายเพราะรู้ว่าตนทำงานจริง และเป็นการทำงานที่ใช้สมอง ใช้ความรู้ความสามารถ แต่ก็มีบางคดี ถ้าถูกใจตนก็ช่วยโดยไม่ได้ไปเรียกเก็บเงิน

“ลูกความผมเอาง่ายๆ นะ ที่เขามาหาผมเพราะเขาเห็นผมเป็นคนไหวพริบดีและกล้าสู้คน ยกตัวอย่างผมแค่แหย่พี่ชูวิทย์ โพสต์ภาพไมได้เอ่ยอะไรด้วย แฉไปไถไปแล้วโพสต์ภาพปึกเงิน พี่ชูวิทย์แค่นี้ยังตกหลุมผม รับสารภาพมาเป็นของตัวเอง เอามาจากสารวัตรซัว เห็นไหม เราไม่ได้เรียนกฎหมายมา จริงๆ ผมหวังดี อุตส่าห์บอกพี่ชูวิทย์แล้วว่ามันเป็นเงินก้อนอื่น เพราะตอนแรกผมไม่ได้อยากให้พี่ชูวิทย์ถูกดำเนินคดี ผมก็พยายามบอกพี่ชูวิทย์ บอกออกสื่อมันเป็นเงินก้อนอื่น มันไม่ใช่เงินที่พี่เอาไปบริจาค แต่พี่ก็ยังจะไปรับอีก เดี๋ยวมันก็ค้องมีขั้นตอนต่อมา” นายษิทรา กล่าวย้ำ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : https://www.naewna.com/local/720112 โถทนาย ปชช.! 'ชูวิทย์'แฉใบเสนอราคา ค่าแถลงข่าว 3 แสน แซะ'แถลงไป ไถไป'